กาญจนบุรี ไม่ต่างกับแมลงเม่ากำลังบินเข้ากองไฟ!!พม่าหลอกพม่า ลอบนำพาเข้าไทย อ้างส่งไปทำงาน จ่ายค่าหัวรายละ 15,000 บาท สุดท้ายไม่รอดโดน หน่วย ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ รวบกลางป่า

กาญจนบุรี ไม่ต่างกับแมลงเม่ากำลังบินเข้ากองไฟ!!พม่าหลอกพม่า ลอบนำพาเข้าไทย อ้างส่งไปทำงาน จ่ายค่าหัวรายละ 15,000 บาท สุดท้ายไม่รอดโดน หน่วย ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ รวบกลางป่า

กาญจนบุรี ไม่ต่างกับแมลงเม่ากำลังบินเข้ากองไฟ!!พม่าหลอกพม่า ลอบนำพาเข้าไทย อ้างส่งไปทำงาน จ่ายค่าหัวรายละ 15,000 บาท สุดท้ายไม่รอดโดน หน่วย ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ รวบกลางป่า

เมื่อเวลา 01.20 น.วันนี้ 17 มี.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.อ.สิทธิพร จุลปานะ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์(ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์) พ.อ.เฉลิมพล สังข์ต้อง รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์(รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ ) ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า พบกลุ่มบุคคลคาดว่าน่าจะเป็นแรงงานชาวเมียนมา หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย หลบซ่อนตัวบริเวนป่าท้องที่บ้านซองกาเรีย หมู่ 8 ต.งหนองลู อ.สังขละบุรี เพื่อรอการเคลื่อนย้ายไปทำงานบริเวณพื้นที่จังหวัดชั้นใน แต่ไม่ทราบพิกัดที่แน่ชัด

ดังนั้นจึงได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ทหารหมวดลาดตระเวนที่ 3 จัดชุดลาดตระเวน สนธิกำลังร่วมกับ ชุดปฏิบัติการข่าวกองกำลังสุรสีห์(กกล.สุรสีห์ )ทำการลาดตระเวนเพื่อออกค้นหากลุ่มแรงงานชาวเมียนมา ไปตามเส้นทางที่ได้รับแจ้ง เริ่มจากบริเวณ สามแยกซองกาเรีย-บ.ซองกาเรีย หมู่ 8 ต.หนองลู จนกระทั่งไปถึงบริเวณสวนมันสำปะหลังที่อยู่ข้างซอยโรงเรียนลาซาล

พบว่ามีแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา มีทั้งชายและหญิงรวมทั้งเด็ก นั่งหลบซ่อนตัวอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุมจากการตรวจสอบกลุ่มแรงงานพบว่ามีจำนวนทั้งหมด 16 คน เป็นชาย 8 คน หญิง 6 คน เด็กหญิง อายุ 13 ขวบ 1 คน และเด็กชาย อายุ 9 ขวบ 1 คน และบริเวณใกล้เคียงกันพบว่ามีวัยรุ่นนั่งเฝ้าอยู่ปากซอยลาซาล อีก 1 คน จึงได้ทำการเค้นถาม พบว่าเป็นคนดูต้นทางเพื่อแจ้งให้รถมารับ

โดยหลังจากคณะเจ้าหน้าที่จับกุมตัวแรงงานทั้งหมดเอาไว้ได้ จึงทำการตรวจวัดอาการไข้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 พบทั้งหมดมีอุณหภูมิไม่เกิน 37.5 องศาเซียลเซียส แต่เพื่อความไม่ประมาทจึงนำตัวทั้งหมดไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่ รพ.สังขละบุรี ก่อนที่จะส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.สังขละบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ทั้งนี้จากการซักถามผู้ต้องหาได้ให้การว่า ตนและพวกติดต่อนายหน้าไม่รู้ชื่อ อาศัยอยู่ฝั่งประเทศเมียนมา ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ จากนั้นได้มารวมตัวกันที่กิ่งอำเภอพญาตองซู ตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาเวลาประมาณ 12.00 น.ของวันที่ 16 มี.ค.มีกลุ่มนายหน้าชาวเมียนมา จำนวน 3 คน มาพบแล้วนำพาพวกตนเดินลัดเลาะไปตามชายป่าเพื่อข้ามมายังฝั่งไทย

โยการใช้เส้นทางธรรมชาติ เส้นทางรถไฟสายเก่าข้างวัดพิมละม่อม จากนั้นใช้เส้นทางตามหุบเขาแล้วเดินเท้าข้ามลำห้วยซองกาเรีย จนกระทั่งเวลา 19.00 น.ก็มาถึงจุดที่หลบซ่อนตัว จากนั้นนายหน้าผู้นำพาไดเดินทางกลับพร้อมกับแจ้งว่า จะมีคนนำรถยนต์มารับเพื่อไปทำงาน ตามพื้นที่จังหวัดต่างๆของประเทศไทย แต่พวกตนไม่ทราบว่าจะไปทำงานอะไรและที่จังหวัดไหน เมื่อไปถึงจุดหมายจะต้องจ่ายเงินค่านายหน้าให้กับผู้นำพาคนละ 15,000 บาท แต่มีแรงงาน จำนวน 2 คนได้จ่ายเงินค่าหัวให้กับนายหน้าชาวเมียนมา ไปแล้ว แต่สุดท้ายก็มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้เสียก่อน

จากการสอบถามนายโชคชัย (ไม่มีนามสกุล)ชาวมอญ สัญชาติเมียนมา อายุ 18 ปี เป็นบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน อาศัยอยู่หมู่ 8 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี และเป็นคนเฝ้าต้นทาง ให้การว่า ก่อนหน้านี้นายบู เพื่อนที่เป็นชาวเมียนมา ด้วยกัน แจ้งว่าจะมีรถยนต์มารับของแห้งที่บริเวณดังกล่าว และขอให้ตนมาเป็นคนเฝ้าต้นทางให้ พร้อมทั้งบอกว่าหากพบทหารผ่านมาก็ขอให้รีบโทรศัพท์ไปแจ้งให้ทราบ โดยที่ตนไม่รู้มาก่อนว่านายบู เพื่อของตนจะให้ตนมาเฝ้าต้นทางให้กับกลุ่มแรงงานที่หลบหนีเข้ามา

โดยช่วงเวลาประมาณ 23.00 น.ของวันที่ 16 มี.ค.นายบู ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาส่งตนที่ปากซอยโรงเรียนลาซาน ระหว่างนั่งเฝ้าต้นทางอยู่นั้นตนพบเจ้าหน้าที่ทหารผ่านมา จึงรีบโทรศัพท์ไปแจ้งให้นายบู ทราบ ตามที่ได้สั่งเอาไว้ แต่ปรากฏว่านายบู ไม่รับสายโทรศัพท์ เมื่อโทรหาอีกครั้งปรากฏว่านายบู ปิดเครื่องและไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย”นายโชคชัย กล่าว./
/////////////////////////////////////


ทีมข่าวภูมิภาค / กาญจนบุรี

 

สังคม