2 มิ.ย.64
ผู้การฯยะลา ระบุ สั่งกำชับการปฏิบัติเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมเข้มชายแดนเบตง ร่วม ทหาร ฝ่ายปกครอง ป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง หลังมาเลเซียปิดประเทศ
จากกรณีเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศมาเลเซียที่มีความรุนแรง พบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังคงพุ่งสูงขึ้น ทั้งเชื้อโควิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์แอฟริกา สายพันธุ์อินเดีย ทางการมาเลเซียประกาศออกคำสั่งล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1-14 มิ.ย. 64 เพื่อควบคุมสถานการณ์ ป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยไม่ผ่านขั้นตอนการตรวจคัดกรองโควิด-19 และกักตัว 14 วัน ของกลุ่มแรงงานไทยและต่างด้าวในมาเลเซีย ซึ่งอาจเป็นกลุ่มเสี่ยงที่นำพาโควิด-19 เข้ามาในประเทศ
พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ตรวจคุมเข้มแนวชายแดนไทย – มาเลเซียที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ได้มีการกำชับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ให้เข้มงวดเพื่อป้องกันคนต่างด้าวลักลอบหลบหนีเข้ามาในประเทศไทย รวมทั้งการเข้มงวดรถบรรทุกสินค้าที่ผ่านพรมแดน ให้มีการตรวจตราเข้มงวดมากยิ่งขึ้น โดยมีการวางกำลังของเจ้าหน้าที่ ทั้ง ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง แนวรั้วชายแดนไทย-มาเลเซีย นอกจากนี้มีการตั้งด่านตามเส้นทางต่างๆ ตามแนวตะเข็บชายแดน และรวมทั้งด่านถาวรในพื้นที่อำเภอเบตง ซึ่งมาตรการต่างๆเป็นไปตามการปฏิบัติของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ได้กำชับมายังตำรวจภูธรจังหวัดยะลา หากมีการลักลอบเข้ามาถึงพื้นที่ตอนในแล้ว ทุกภาคส่วน ทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ตลอดจนพี่น้องประชาชนก็จะเป็นหูเป็นตาในการที่จะช่วยสอดส่องว่ามีคนแปลกหน้าเข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่หรือไม่ ซึ่งทั้งหมดได้กำชับทุกหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ของตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ให้ถือปฏิบัติตามข้อสั่งการอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่เรื่องแนวชายแดนการประสานงานกับกำนันผู้ใหญ่บ้าน ท้องที่ท้องถิ่น การประสานความร่วมมือกับพี่น้องประชาชน
ทั้งนี้ จากสถิติที่ผ่านมาการลักลอบเดินทางเข้าเมืองผิดกฎหมายจากประเทศมาเลเซียนั้นมีจำนวนน้อยมาก โดยเฉพาะด่านฝั่งของ อ.เบตง จะมีความเข้มแข็งของพี่น้องประชาชนในการช่วยกันดูแล ส่วนฝั่งของอำเภอกาบัง ต.ปะแต อ.ยะหา และบ้านดินเสมอ ที่ อ.ธารโต ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ป่าภูเขาสูงชัน ซึ่งไม่เป็นที่นิยมที่หลบหนีเข้ามา แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาพพื้นที่ของชายแดนจังหวัดยะลาค่อนข้างจะได้เปรียบกว่าจังหวัดอื่น รวมทั้งการตั้งด่านที่เข้มงวดของทุกหน่วย รวมทั้งพี่น้องประชาชนที่ช่วยกันดูในพื้นที่ โอกาสที่จะมีผู้ที่ลักลอบเดินทางเข้ามาก็จะมีน้อยประกอบกับประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาในการแจ้งเบาะแสและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาร่วมกันของทุกคนที่จะต้องช่วยกัน ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น สาธารณสุข อสม.รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ประสานการปฏิบัติ ทำงานกันอย่างอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 มาสู่พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดยะลา
อะหมัด รามันห์สิริวงศ์/ยะลา/