พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สรุป การดำเนินกิจการทางการเมืองของพรรคประชาชาติ รอบปี 2564
เปิด รายงานการดำเนินกิจการทางการเมืองของพรรคประชาชาติ ในรอบปี 2564 โดย พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติได้ กล่าวระหว่างมีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2564 ที่มูลนิธิมะทา อ.เมือง จ.ยะลา ในวันที่ 27 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยมี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และ เลขาธิการพรรคประชาชาติ และรองหัวหน้าพรรคประชาชาติ อาทิ นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์, นายวรวีร์ มะกูดี, ผศ.ดร.วรวิทย์ บารู, นายวิทยา พานิชพงศ์, นายมุข สุไลมาน รวมทั้ง ส.ส.พรรคประชาชาติ นายซูการ์โน มะทา ส.ส.ยะลา เขต 2, นายอับดุลอายี สาแม็ง ส.ส.ยะลา เขต 3, นายกูเฮง ยาวอหะซัน ส.ส.นราธิวาส เขต 3, นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส.นราธิวาส เขต 4 และ นายสมมุติ เบ็ญจลักษณ์ ส.ส.ปัตตานี เขต 4 สมาชิกพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรค ร่วมประชุม
พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวว่า “รายงานการดำเนินกิจการของพรรคการเมือง ที่กฎหมายกำหนดไว้ตามมาตรา 43 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ที่ระบุว่าให้หัวหน้าพรรค ได้จัดทำรายงานกิจการการดำเนินการของพรรคการเมือง รอบปีปฏิทินเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ เพื่อขออนุมัติภายในเดือนเมษายนของทุกปี นี่เดือนมีนาคม เราก็ทำในกำหนดการ ซึ่งท่านอาจารย์วันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคได้สรุปอยู่ในรายงานนี้”
“ผมขอสรุปเนื้อหาและอธิบายขยายความเล็กน้อย ในรอบปีไม่มีการเลือกตั้ง เราก็ยังมีสมาชิกที่เป็น ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ตามที่การเลือกตั้งเมื่อปี 2563 ที่ท่านหัวหน้าพรรคได้เรียนไปแล้ว ก็คือเรามี ส.ส. 6 คนที่เป็น ส.ส.เขตแล้วปาร์ตี้ลิส 1 คน”
“ในข้อที่ 2 เรื่องการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมให้สมาชิกได้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การใช้สิทธิและเสรีภาพอย่างมีเหตุผลและมีความรับผิดชอบต่อสังคม และความรู้เกี่ยวกับหน้าที่ของปวงชนชาวไทย เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากเราเชื่อมั่นว่าการปกครองในระบอบประชาธิปไตยคือการที่มนุษย์หรือคนทุกคนต้องมีสิทธิเสรีภาพ มีความเสมอภาค มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และมีความยุติธรรม ในด้านความยุติธรรมในการบริหารบ้านเมือง มีความจำเป็นที่พรรคการเมือง จะต้องให้สมาชิกและให้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศได้รับทราบว่าถ้าเราแก้ปัญหาของประเทศต้องแก้ด้วยความเป็นประชาธิปไตย ที่สรุปก็คือทำให้คนเท่าคน หรือคนเท่ากัน ต้องทำให้ระบบสังคมมีความสมดุล ไม่ใช่ระบบผูกขาด โดยคนกลุ่มหนึ่งมีความสุขแล้วก็ปล่อยให้คนกลุ่มหนึ่งต้องอยู่อย่างไร้สิทธิเสรีภาพอยู่อย่างความทุกข์ทรมาน โดยเฉพาะคุณภาพชีวิต ดังนั้นในส่วนนี้พรรคประชาชาติ ต้องให้ความรู้ประชาธิปไตยที่จับต้องได้จึงได้ทำกิจกรรมค่อนข้างจะหนักมากกับสมาชิกในพื้นที่โดยท่านส.ส. และสมาชิกเพื่อไปให้ความเข้าใจ”
“อีกประการหนึ่ง ยังพบว่า การสร้างของประเทศในรัฐบาลปัจจุบันที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ท่านสมาชิกทราบหรือไม่ว่าวันนี้ประเทศไทยเรามีหนี้สาธารณะ คือเป็นหนี้ที่รัฐบาลไปกู้ ที่อาจจะมาบริหารประเทศ ถึงเดือนมกราคม 2565 ที่มีรายงานครั้งสุดท้าย เรามีหนี้สาธารณะอยู่ 9.73 ล้านล้านบาท ที่จำนวนมากเลย แล้วหนี้สาธารณะก้อนนี้คนที่จะต้องรับใช้ก็คือภาษีของประชาชน พวกเราที่ไปเติมน้ำมัน 1 ลิตรแล้วก็มีภาษี 7 บาท หรือ 6 บาท ก็เอาเงินภาษีต้องไปใช้หนี้สาธารณะ แล้วก็เท่าที่ ตรวจพบหนี้สาธารณะ ก้อนนี้ก็มีดอกเบี้ย กู้มาใช้ก็มีดอกเบี้ย ดอกเบี้ยที่สำนักหนี้สาธารณะ รายงาน ก็ 2.40 กว่าสตางค์ ถ้ารัฐวิสาหกิจไปกู้ก็ 2.48 เกือบ 40 กว่าเหมือนกัน นี่คือหนี้สาธารณะเป็นภาระของประชาชนถามว่าทำไมต้องกู้ ก็คือรัฐบาลหาเงินหรือหารายได้ไม่พอ ต้องมากู้ สิ่งนั้นไม่สำคัญเท่ากับกู้มาแล้ว ประชาชนจะได้ประโยชน์ อะไรมากน้อยแค่ไหน หรือจะได้เฉพาะคนกลุ่มหนึ่ง หรืออีกคนกลุ่มหนึ่งไม่ได้ ซึ่งสิ่งที่น่าเป็นห่วงมาก ก็คือเรามีความเหลื่อมล้ำ”
“เรามีความเหลื่อมล้ำเรื่องคุณภาพชีวิตอย่างมาก เรามีคนจนกับคนรวย ยกตัวอย่างง่ายๆ ที่พรรคเคยอภิปราย วันนี้ขนาดของที่ดินที่เป็นของเกษตรกร เรามีเกษตรกรเกือบ 20 ล้านคน เกษตรกรที่มีที่ดินที่ทำเกษตรได้ไม่ถึง 3 ล้านคนนี่คือตัวอย่างเรามีความเหลื่อมล้ำทางด้านสิทธิเสรีภาพ กฎหมายและความเหลื่อมล้ำเชิงพื้นที่ ในพื้นที่ที่มีกฎหมายพิเศษไม่ใช่ประชาชนจะได้สิทธิ์ดีกว่าในกฎหมายพิเศษ การที่พื้นที่มีกฎหมายพิเศษใช้เยอะนั้นก็คือความเหลื่อมล้ำ ที่เป็นการพิเศษที่ใช้อำนาจกับประชาชนโดยไม่ผ่านกระบวนการสิทธิเสรีภาพหรือไม่ผ่านกระบวนการศาล ต่างกับพื้นที่อื่นที่เป็นกฏหมายวิอาญา แต่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีกฏอัยการศึก ขังได้ 7 วัน และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขังได้อีก 30 วัน จากนั้นก็ใช้อำนาจตาม วิอาญาต่อไปอีก อันนี้เราพบว่าปัญหาความเหลื่อมล้ำมี”
“ดังนั้นในส่วนของพรรคประชาชาติเราได้มีกิจกรรมสำคัญ ก็คือในการรายงานประชุมของพรรคเมื่อคราวที่แล้วเป็นการประชุมใหญ่เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2564 ที่โรงเเรม อิมพีเรียล นราธิวาส เราได้รายงานในเรื่องรัฐธรรมนูญที่ประชาชนใฝ่หา คือไม่ใช่รัฐธรรมนูญที่ไม่ใช่ปี 2560 เป็นรัฐธรรมนูญที่พี่น้องสมาชิกของพรรคประชาชาติ โดยเฉพาะในสามจังหวัด เป็นรัฐธรรมนูญที่สมาชิกไม่ได้รับแต่ถูกฉีกไป โดยอำนาจเผด็จการ ยกตัวอย่างง่ายๆในรัฐธรรมนูญปี 40 ที่มาจากประชาชนหรือรัฐธรรมนูญปี 60 ในเรื่องของการศึกษา เราก็พบว่าการศึกษาในรัฐธรรมนูญเก่า เป็นการศึกษาฟรี อย่างน้อย 15 ปี แต่พอรัฐธรรมนูญปี 60 เป็นการศึกษาไม่เกิน 12 ปี ซึ่งแม้แต่ตอนหลังมีสมาชิกของเรา ในนี้หลายคนไทย ไปเรียกร้องไปรณรงค์ก็ถูกจับไปปรับทัศนคติพอจับไปปรับทัศนคติ เอาไปขังเอาไปควบคุม จึงออกคำสั่งหัวหน้า คสช.เพื่อให้ใช้ ก็ขยายไป 15 ปี แต่อย่างไร ก็ตามสิทธิ์อันหนึ่งในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ในรัฐธรรมนูญฉบับก่อนๆ การจัดการศึกษาและการกระจายอำนาจ ไปให้ท้องถิ่นไปให้องค์กรศาสนาด้วย แต่ละธรรมนูญฉบับนี้ไปตัดองค์กรศาสนาออกไป ซึ่งวันใดที่ผู้บริหารประเทศมีความคิดอำนาจนิยมเมื่อไหร่ การศึกษาที่เป็นเรื่องศาสนาไม่ว่าจะเป็นการศึกษาพุทธศาสนาในวันเสาร์-อาทิตย์ก็ดี การศึกษาตาดีกาปอเนาะ ที่เป็นองค์กรศาสนาสอนอยู่เพราะที่ผ่านมามีรัฐธรรมนูญคุ้มครองแต่ในฉบับปี 2560 ไม่มีเขียนไว้ จึงสุ่มเสี่ยงถูกส่งมือไปให้ส่วนกลางไปทำ อันนี้คือตัวอย่าง”
“ดังนั้นท่านอาจารย์วันมูหะมัดนอร์ มะทา ได้บอกว่าพี่น้องในสามจังหวัดเรามีความรับผิดชอบ คือความรับผิดชอบคนมาพูด เราจะต้องไม่เชื่อก่อน เราจะต้องรับผิดชอบว่าสิ่งที่มาพูดนั้น พูดจริงหรือพูดโกหก จึงทำให้พี่น้องใน 3 จังหวัดไม่รับประชามติร่างรัฐธรรมนูญปี 2560 คือประชามติเมื่อปี 2559 จึงไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับที่ใช้ในปี 2560 ซึ่งในการจัดการประชุมใหญ่คราวที่แล้วก็พบว่ามีสมาชิกก็ได้เสนอความเห็นซึ่งมีผู้ประชุม 432 คน แล้วก็สมาชิกก็ได้แสดงความคิดเห็นเพื่อให้การดำเนินงานของพรรคอันนี้ก็มีอยู่ในรายงาน”
“ทางพรรคประชาชาติ ท่านอาจารย์วันมูหะมัดนอร์ มะทา กับผู้บริหารพรรค เราจะจัดตั้งสถาบันการเมืองของพรรคประชาชาติ สถาบันการเมืองก็คือการให้ความรู้ การเรียนรู้คือการศึกษา คนที่เป็นมนุษย์ทุกคน จะมีเหมือนกันคือสมองและสติปัญญา เพื่อให้ทุกคนได้ศึกษาเรียนรู้ ดังนั้นหน้าที่สำคัญที่สุดคือต้องให้คนเรียนรู้ หาความรู้เพราะความรู้เท่านั้นที่จะทำให้เป็นการแก้ปัญหาได้ อาคารที่เรายืนอยู่ อาคารมูลนิธิมะทาสร้างด้วยความรู้ ไม่ได้สร้างด้วยอาวุธ ดังนั้นพรรคประชาชาติจึงเห็นว่าการเมืองเป็นเรื่องของทำให้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ทำให้บ้านเมืองดีขึ้น และเป็นเรื่องของคนบุคคลจึงได้มีสถาบันการเมืองของพรรคประชาชาติ ที่ผ่านมาอาจจะเป็นช่วง covid จะไม่ได้มีการอบรมโดยตรงซึ่งขณะนี้ก็เราก็จะมีการอบรมสถาบันการเมืองส่วนเรื่องหลักสูตรการบริหาร แนวทางต่าง ท่านสมาชิกก็ดูได้ จากรายงาน”
“ขอเรียนว่ารัฐธรรมนูญ ฉบับนี้ได้มีแก้ไขหลักการสำคัญคือเรื่องระบบการเลือกตั้ง ท่านอาจารย์บอกว่าเลือกคนที่รักเลือกพรรคที่ชอบ ต่อไปก็จะเป็นบัตร 2 ใบ เราไม่ต้องถูกบังคับหรือข่มขืนให้เลือกในสิ่งที่ไม่ชอบในสองสิ่งเดียวกัน ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้อง มีการแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ เรื่องการเลือกตั้งและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญเรื่องพรรคการเมือง ซึ่งท่านอาจารย์ได้กรุณาไปเป็นกรรมาธิการก็เชื่อว่าการแก้เพื่อให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ดังนั้นข้อมูลทางท่านสมาชิกอาจจะว่าดูยังไม่ค่อย มากหรือสมบูรณ์เข้าออกยังมีอยู่ก็อยากจะเรียนว่าส่วนหนึ่งเราก็คงหนีไม่พ้นจะรอพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งและพรรคการเมืองที่จะเกิดขึ้น ที่จะดำเนินการพรรคการเมืองให้สอดคล้องกับกฏหมายที่นำออกมาใช้บังคับต่อไป ขอบคุณมากครับ และขอความสันติสุขจงเกิดแด่ทุกท่าน”