ลำพูน ตำรวจ ปทส บุกยึดที่ดินอดีตนายก อบต อยู่ในเขตสงวนแห่งชาติป่าแม่อาว
เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส.สนธิกำลังตำรวจ กก.ตชด. 33 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.ลำพูน เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ปพ.บก.สส.ภ.5, เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้ป่าซาง,เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดลำพูน และเจ้าหน้าที่ปกครองอำเภอป่าซาง ลงพื้นที่ตรวจยึดที่ดิน อดีตนายก อบต.แห่งหนึ่งผู้มีอิทธิพล อยู่ในเขตสงวนแห่งชาติป่าแม่อาว หมู่ 11 บ้านสันป่าฮัก ตำบลน้ำดิบ อำเภอป่าซาง หลังจากร้องเรียนไปหลายหน่วยงานฯ เรื่องเงียบ
ภายใต้การสั่งการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.,พล.ต.ต.มานะ กลีบสัตบุศย์ ผบก.ปทส., พ.ต.อ.อริยพล สินสอน รอง ผบก.ปทส.,พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปทส.,พ.ต.ท.เกียรติพันธ์ เจริญชนิกานต์ รอง ผกก.4 บก.ปทส.,พ.ต.ท.ปริญญา เอี่ยมกมล รอง ผกก.(สอบสวน) กก.4 บก.ปทส.,พ.ต.ต.ยศวัฒน์ เอกกุล สว.กก.4 บก.ปทส. และ พ.ต.ต.หญิง ภิ์ษัชกร เลิศวิลัย สว.(สอบสวน) กก.4 บก.ปทส.
เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดปฏิบัติการพิเศษ กก.4 บก.ปทส. สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ตชด. 33,เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.ลำพูน,เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ปพ.บก.สส.ภ.5,เจ้าหน้าที่สำนักจัดการทัพยการป่าไม้ที่ เชียงใหม่,เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้ป่าซาง,เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดลำพูน สาขาป่าซาง,เจ้าหน้าที่ปฏิรูปที่ดินจังหวัดลำพูน,เจ้าหน้าที่ ศปป.4 กอ.รมน.สวนรื่นฤดี และเจ้าหน้าที่ปกครองอำเภอป่าซาง ตรวจสอบที่ดินป่าข้างลำห้วยแล้ง อยู่ในเขตสงวนแห่งชาติป่าแม่อาว บ้านสันป่าฮัก ต.น้ำดิบ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ของอดีตนายก อบต.แห่งหนึ่งในอำเภอบ้านโฮ่ง หลังจากชาวในพื้นที่ได้ร้องเรียนไปหลายหน่วยงานเรื่องกลับเงียบหายหมด ซึ่งชาวบ้านได้ร้องเรียนพฤติการณ์ของอดีตนายก อบต.ผู้มีอิทธิพลคนดังกล่าวว่า บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่อาวมาเป็นของตนเองแล้วใช้รถแบคโฮลบุกเบิกป่าจนโล่งเตียนเมื่อปี 2557 แล้วจะขายที่ดินต่อให้กับนายทุนแต่แต่ปรากฎว่าที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่อาว กรมที่ดินได้เข้าสำรวจรังวัดพื้นที่ที่เจ้าของเดิมอ้างหลักฐานการแจ้งการครอบครองที่ดินแบบ (ส.ค.1) 11 ฉบับ เนื้อที่ 37 ไร่เศษ เพื่อออกโฉนดที่ดิน แต่กรมป่าไม้ตรวจสอบแล้วที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่ในเขตป่าไม้ถาวรและอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่อาวทั้งระวางจึงคัดค้านการออกโฉนดที่ดิน ทำให้เจ้าของเดิมฟ้องร้องกรมที่ดินว่าไม่ออกโฉนดให้ กรมที่ดินได้เรียกเจ้าของที่ดินที่ขอออกโฉนดมาสอบสวนแนวเขตแล้วแต่ไม่มา ด้วยไม่มีหลักฐาน ซึ่งขณะที่ดำรงตำแหน่งนักการเมืองท้องถิ่นยังนำเอารถหลวงมารถน้ำต้นมะม่วงที่ได้ปลูกไว้บริเวณดังกล่าวด้วย นอกจากนี้ยังยึดเอาบึงหนองเป็ด หนองน้ำสาธารณะประโยชน์เป็นของตนเองโดยการล้อมรั้วลวดหนามล้อมรอบและนำดินมาถมบึงเป็ดบางส่วนจนเหลือสภาพเล็กน้อย นอกจากนั้นได้ขยายพื้นที่เพิ่มออกไปอีกเกินกว่าหลักฐาน ส.ค.1 ที่ตนมี 18 ไร่ 3 งาน 99 ตารางวา ขยายพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่อาวเพิ่ม เป็น 64 ไร่ 1 งาน 42 ตารางวา เมื่อปี พ.ศ. 2558 – 2559 กรมป่าไม้ได้มีคำสั่งให้หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลพ.3 (แม่อาว) ตรวจสอบพื้นที่ป่าตามแผนที่ที่พบมีการแปลงพื้นที่ป่า ปี พ.ศ. 2558 -2559 ท้องที่จังหวัดลำพูน เนื้อที่ 48.73 ไร่ ปรากฏว่า อดีตนายก อบต.ได้อ้างคำพิพากษาของศาลจังหวัดลำพูนว่าพื้นที่ดังกล่าวศาลได้ยกให้ ด้วยเมื่อปี พ.ศ. 2539 เจ้าหน้าที่ป่าไม้หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลพ.3 (แม่อาว) ได้ตรวจยึดพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่อาวถูกบุกรุก เนื้อที่ 103 ไร่ 2 งาน 93 ตารางวา ศาลจังหวัดลำพูนได้พิพากษาเมื่อปี พ.ศ. 2550 ว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบไม่สามารถรับฟังลงโทษจำเลยได้โจทก์ฟ้อง จึงพิพากษายกฟ้อง ด้วยมีการนำเอา ส.ค.1 จำนวน 11 ฉบับ เนื้อที่ 37 ไร่เศษ ไปอ้างต่อศาล เจ้าหน้าที่ป่าไม้ไม่ได้แยกพื้นที่ ส.ค.1 ออกจากพื้นที่ที่ตรวจยึด ซึ่งสมัยก่อนนั้นเครื่องมือการวัดพื้นที่ยังไม่ทันสมัยใช้เทปวัดแล้วใช้โปรแกรมคำนวณพื้นที่เอา ต่างจากสมัยปัจจุบันเจ้าหน้าที่มีเครื่องมือรังวัดทันสมัยแม่นยำเป็นจุดทศนิยม เครื่องมีราคาหลายล้านและกรมที่ดินใช้งานอยู่และใช้กันอย่างแพร่หลายทุกประเทศ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส. จึงสนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ดังกล่าวข้างต้นทำการตรวจสอบพื้นที่ที่ดินของอดีตนายก อบต. ซึ่งใช้นางพัชรี ภรรยาเป็นผู้ครอบครอง เช่าซื้อที่ดินแทนผลการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบพื้นที่เกินกว่าหลักฐาน ส.ค.1 ไปจำนวน 45 ไร่ 0 งาน 57 ตารางวา มูลค่าเป็นเงิน 3,694,920.00- บาท อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่อาวทั้งหมด ซึ่งเป็นการกระทำความผิด ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา ๙ มาตรา ๑๐๘ ทวิ ฐาน “ยึดถือ ครอบครอง รวมตลอดถึงการก่นสร้าง หรือเผาป่า ทำด้วยประการใดให้เป็นการทำลาย หรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน ที่หิน ที่กรวด หรือที่ทราย หรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดอันเป็นอันตรายแก่ทรัพยากรในที่ดิน” พระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา ๕๔ ประกอบ ๗๒ ตรี ฐาน “ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต” และพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ มาตรา ๑๔ ประกอบมาตรา ๓๑ ฐาน “ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ยึดถือ ครอบครองทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” จึงรวบรวมพยานหลักฐานนำตัวส่ง สภ.ป่าซาง เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดและผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
