อยากหายจนต้องเปลี่ยนผู้นำ… “วันนอร์”ปลุกแก้ รธน.ปลดล็อกประเทศ

อยากหายจนต้องเปลี่ยนผู้นำ… “วันนอร์”ปลุกแก้ รธน.ปลดล็อกประเทศ

อยากหายจนต้องเปลี่ยนผู้นำ…
“วันนอร์”ปลุกแก้ รธน.ปลดล็อกประเทศ

เวที “พรรคการเมืองฟังเสียงคนจน” ชำแหละ 5 ประเด็น ทั้งที่ดินทำกิน เศรษฐกิจ การศึกษา ศาสนา และการเมือง “วันนอร์” ล้่นรัฐธรรมนูญปี 60 ไม่เอื้อต่อการแก้ไขปัญหาของประชาชน มุ่งแต่รักษาอำนาจ แถมสร้างความเหลื่อมล้ำให้มากขึ้น ได้เวลารื้อใหญ่ อยากหายจนต้องเปลี่ยนผู้นำ ส่วนไฟใต้ต้องทำใจ ไม่เชื่อสันติภาพเกิดจากน้ำมือเผด็จการ ยืนยันพรรคประชาชาติรับปากแล้วทำทุกเรื่อง ทั้งกฎหมายต่อต้านการซ้อมทรมาน ศาลทหาร ประมง และที่ดิน

เวทีสัญจร “พรรคการเมืองฟังเสียงคนจน” ครั้งที่ 4 หัวข้อ “สันติภาพชายแดนใต้” ที่ห้องประชุมศรีวังสา คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เมื่อวันเสาร์ที่ 21 พ.ค.65 บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีตัวแทนพรรคการเมืองร่วมรับฟังปัญหาและความต้องการของประชาชน โดยเฉพาะคนยากคนจน ประกอบด้วย นายณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล, ดร.ศักดิ์ณรงค์ ศิริพร ณ ราชสีมา ตัวแทนพรรคไทยสร้างไทย, นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ และ นายอาหมัดบูรฮัน ติพอง ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย

ภายในงานมีการสะท้อนความเดือดร้อนจาก 5 กลุ่มปัญหาด้วย ทั้งเรื่องทรัพยากรธรรมชาติ ที่ดินทำกิน ปัญหาเศรษฐกิจ การศึกษา ศาสนา และการเมือง

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับปี 60 ที่เรากำลังใช้ในวันนี้ เป็นรัฐธรรมนูญที่แย่ที่สุด เป็นรัฐธรรมนูญที่ไม่เอื้อต่อการกระจายอำนาจ เป็นรัฐธรรมนูญที่ทำให้เกิดความยากจนมากขึ้น รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้เกิดจากประชาชน ไม่ได้เกิดจากคนจน แต่เกิดจากอำนาจของการปฏิวัติ เพราะฉะนั้นคณะที่ทำการปฏิวัติและสร้างรัฐธรรมนูณฉบับนี้ขึ้น จึงต้องการรักษาอำนาจยาวต่อไป จึงเป็นหน้าที่ของประชาชนไม่เฉพาะคนจนเท่านั้น แต่ประชาชนทั้งประเทศต้องขจัดอำนาจปฏิวัติออกไป แล้วนำอำนาจประชาชนมาแทนที่

สำหรับประเด็นต่างๆ ที่สะท้อนจากทั้ง 5 กลุ่มปัญหา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา กล่าวว่า เป็นประเด็นดีๆ ทั้งสิ้น กลุ่มแรกเรื่องทรัพยากรธรรมชาติ มีคนพูดไว้ดีมากว่า คนจนไม่ใช่เพราะเขาขี้เกียจ แต่เขาขาดทรัพยากร โดยเฉพาะเรื่องที่ทำกิน

“ที่ดินของประเทศมี 100% ถูกนายทุนเอาไปยึดครองแล้ว 80% นายทุนเป็นเพียงกลุ่มคน 10% ของคนทั้งประเทศ ถ้าคนทั้งประเทศ 66 ล้านคน ก็แปลว่ามีคนเพียง 6 ล้านกว่าคนเท่านั้นที่ครอบครองที่ดิน 80% แล้วประชาชนอีก 60 ล้านคน มีที่ดินไม่ถึง 10% แล้วความยากจนจะไม่เกิดขึ้นได้อย่างไร มันเกิดความเหลื่อมล้ำ เพราะที่ดินมันตกอยู่ในมือของคนรวยหมด” หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าว

และว่า “กฎหมายมันสร้างความเหลื่อมล้ำ อย่างเมื่อเดือนที่แล้วผมไปที่ อ.จะแนะ และ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ปรากฏว่าประชาชนเป็นพันคนมาร้องเรียนว่า ที่ดินทำกินของเขาที่อยู่บนภูเขา กลายเป็นที่ดินของอุทยานแห่งชาติ อุทยานฯมาไม่ถึง 20 ปี แต่เขาอยู่ตั้งแต่ปู่ย่าตายายเป็น 40-50 ปี เขาก็ไม่ยอม อุทยานฯมาบอกว่า ถ้าคุณไม่ให้ที่ดินคืน คุณอยู่ไปก่อนแล้วกัน 20 ปี หลังจาก 20 ปีคุณต้องเช่า น่าตลกสิ้นดี ทั้งๆ ที่เขามีสิทธิเต็มตัว จะเช่าของตัวเองได้อย่างไร ผมบอกอย่ายอม มันเป็นสิทธิของเรา เราพิสูจน์ได้ว่าเราอยู่มาก่อนอุทยาน ถ้าเราพิสูจน์ได้ มันเป็นสิทธิอันชอบธรรมของเรา เพราะเราเป็นพลเมืองของประเทศนี้”

นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวต่ออีกว่า กลุ่มปัญหาที่ 2 ในเรื่องเศรษฐกิจ มีคำถามว่าทำไมสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีทรัพยากรเยอะ ทั้งทะเล ภูเขา แม่น้ำ แต่คนภาคใต้สามจังหวัดกลับจนซ้ำซาก จนซ้ำซ้อน อันนี้ไปโทษประชาชนไม่ได้ ต้องโทษรัฐบาล เพราะอะไรคนสิงคโปร์จึงมีรายได้ดี จึงร่ำรวย ทั้งที่สิงคโปร์ไม่มีน้ำมัน ไม่มีสวนยางพารา ไม่มีเหมืองแร่ มีแค่ที่ดินกับทะเล ความต่างก็คือสิงคโปร์ได้รัฐบาลที่ดี นายลีกวนยู (อดีตผู้นำ) ฉลาด ให้ประชาธิปไตยกับกับประชาชน แต่เราเป็นเผด็จการซ้ำซาก แล้วเราจะรวยได้อย่างไร ประเทศที่เป็นเผด็จการไม่มีทางที่ประชาชนจะร่ำรวยได้

อีกประเทศหนึ่ง คือ อินโดนิเซีย ประชากร 200 ล้านคน เมื่อก่อนเขาจนมากกว่าเรา แต่วันนี้ประชาชนมีรายได้มากกว่าเรา หนี้สินของรัฐบาลลดลง เพราะ “โจโกวี” เป็นประธานาธิบดีที่มาจากประชาธิปไตย เป็นนักเศรษฐศาสตร์ เขาแก้ปัญหาประเทศเขา นักลงทุนหนีจากประเทศไทยไปอินโดนิเซีย นี่คือผู้นำที่ดี ผู้นำที่เก่งก็ย่อมจะทำให้ประชาชนหายจน ฉะนั้นถ้าอยากให้ประเทศเราหายจน ก็ต้องเปลี่ยนผู้นำ

“พูดถึงแรงงานคนไทย ต้มยำกุ้ง คุณจะให้แรงงานอยู่ได้อย่างไร สามจังหวัดค่าแรงต่ำที่สุดในประเทศ 336 บาท วันหนึ่งคนทำงานกินพอไหม เพราะเขาประเมินแล้วว่า ต้องมีรายได้ 600-700 บาทถึงจะเลี้ยงครอบครัวได้ ถ้าเป็นผมจะให้ไม่ต่ำกว่า 500 บาท เพราะมันอยู่ไม่ได้ไง คุณให้แค่ 300 ยิ่งทำงานก็ยิ่งจน ที่บอกแรงงานไทยทำงานแล้วจนเ พราะคุณไปกำหนดค่าแรงต่ำ ผมก็คิดว่ามีหลายอย่างที่เราจำเป็นจะต้องทำ เช่นว่าให้เงินทุน ให้การศึกษาลูกหลานเขา ให้เขาพัฒนาอาชีพเขาให้ดียิ่งขึ้น”

หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวต่อถึงเรื่องการศึกษา และเรื่องศาสนา ที่บอกว่าคนจะฉลาด เปลี่ยนสถานะได้เพราะการศึกษา แต่ทำนองเดียวกันถ้าจัดการศึกษาไม่ดี นอกจากจะไม่ทำให้คนฉลาดแล้ว จะทำให้คนโง่ด้วย ระบบการศึกษาของเราอยู่อันดับท้ายๆ ของอาเซียนแล้ว เพราะระบบการศึกษามันล้าหลัง ยิ่งปฏิรูปยิ่งล้าหลัง เราไปจำกัดสิทธิของคนเรียนต้อง 4 ปีถึงจะจบ ทั้งๆ ที่เรียนแค่ 2 ปีครึ่งหรือ 3 ปีก็ควรจบได้แล้ว แต่นี่ไปบังคับให้เด็กต้องเรียนนั่นเรียนนี่ การบังคับให้คนอยู่ในกรอบการศึกษาไม่ให้เสรีภาพ ยิ่งทำให้อยู่ในกรอบคนโง่มากยิ่งขึ้น คนโง่เกิดจากรัฐบาลโง่

“เรื่องการเมือง เรื่องสันติภาพ ผมไม่เชื่อว่าสันติภาพจะเกิดจากมือที่เป็นเผด็จการ ผมไม่เชื่อ แต่ทำก็ดีแล้ว จะสนับสนุนให้ทำ แต่ความเชื่อในใจผมไม่มี มือเผด็จการไม่มีทางที่จะให้สันติภาพเกิดขึ้น”

นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวอีกว่า ประเด็นสุดท้ายที่พูดถึงหลายพรรคการเมืองโดยเฉพาะพรรคประชาชาติ เราเสนอกฎหมายห้ามการซ้อมทรมานแล้ว ตอนนี้อยู่ที่วุฒิสภาแล้ว จะประชุมรัฐสภาเร็วๆ นี้ แต่ไม่แน่ใจจะได้ผ่านหรือไม่ ถ้าผ่านแล้วถือว่าเป็นบุญของคนในสามจังหวัด เพราะถูกกฎหมายกดทับ ถูกซ้อมทรมานจนตาย ติดคุกก็เยอะแยะ แต่ตนไม่แน่ใจว่ารัฐบาลเผด็จการจะเห็นด้วยหรือไม่ รวมถึงเรื่องปฏิรูประบบศาล พรรคประชาชาติก็เสนอ แต่ตกไปแล้ว เราขอปฏิรูประบบศาลทหาร ถ้าหากประชาชนเป็นประชาชนธรรมดาแล้วมีเรื่องกับทหาร ต้องขึ้นศาลธรรมดา ศาลปกคริง แต่ปัจจุบันเขาบอกมีทหาร ไปขึ้นศาลทหาร แล้วเป็นอย่างไร ทั้งช้าและไม่เกิดความยุติธรรม

หัวหน้าพรรคประชาชาติ ยังเผยถึงจุดยืนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า การแก้รัฐธรรมนูญไม่สามารถแก้ได้โดยฝ่ายการเมืองในสภาอย่างเดียว ต้องให้ภาคประชาชนทั่วประเทศผลักดันอย่างจริงจัง โดยเฉพาะถ้าแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 60 จะมีปัญหาอุปสรรคที่เราทำไม่ได้ง่ายๆ เพราะการแก้รัฐธรรมนูญในบางประเด็ฯ ต้องมี ส.ว. หรือสมาชิกวุฒิสภา 1 ใน 3 คือแค่ 84 คนเห็นด้วย ถ้า ส.ว.ไม่เห็นด้วย แม้ ส.ส.จะเห็นด้วย 500 คน ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนั้นจะตกไปทันที นี่คือรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการ เอาคนส่วนน้อยนิดเดียวมาขัดขวางคนทั้งประเทศ

“รัฐธรรมนูญที่ดีนั้นอำนาจต้องเป็นของประชาชน ไม่ใช่ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง การกระจายอำนาจไม่ได้บอกว่าให้ประชาชนมีอำนาจเท่านั้น เพราะประชาชนไม่มีเงินงบประมาณก็ทำไม่ได้ ฉะนั้นต้องกระจายทั้งอำนาจและกระจายเงินงบประมาณ ซึ่งรัฐบาลนี้เขาทำไม่ได้ กระจายอำนาจเขาไม่อยากเห็น กระจายเงินเขาทำไม่ได้ เพราะวันนี้เขากู้เงินไปแล้ว 1.9 ล้านล้านบาท และงบประมาณปี 66 จะเข้าสภา จะขออีก 5 แสนล้านบาท มันเท่ากับเป็นเงิน 2.4 ล้านล้านบาท เป็นภาระให้กับรัฐบาลต่อไป วันนี้ใครมาเป็นรัฐบาลต่อ จ่ายดอกเบี้ยอย่างเดียว 2 แสนล้านบาท จากภาระของรัฐบาลประยุทธ์ที่ทำไว้ ไม่นับจ่ายเงินต้น เพราะฉะนั้นรัฐบาลที่แย่ๆ มันสร้างภาระให้กับประชาชน ไม่สามารถที่จะกระจายเงินให้ได้”

“ผมเป็นนักการเมือง แล้วก็เป็นมุสลิม ต้องมีอะมานะฮฺ คือรับปากแล้วต้องทำ ถ้ารับปากแล้วไม่ทำ ไม่ใช่ผมผิดต่อประชาชน แต่ผมผิดต่อพระเจ้าด้วย สิ่งที่รับปากต้องทำได้ และสิ่งที่พรรคกำลังทำตรงกับที่พวกเราทำ เรื่องที่ดินเรากำลังเสนอกฎหมาย ไปรับฟังจากประชาชนมา 3 รอบแล้ว กำลังแก้กฎหมายอยู่ อาจจะทันหรือไม่ทันก็ไม่เป็นไร แต่อะมานะฮฺเดินหน้าไป เรื่องประมงเราก็รับฟังประชาชนทั้งสงขลา ปัตตานี และนราธิวาสแล้ว ก็ต้องแก้กฎหมาย และจะต้องมีกองทุนให้ประมงขนาดเล็ก ไม่อย่างนั้นก็แย่ ในเรื่องกฎหมายซ้อมทรมานเราแก้แล้ว แต่ยังอยู่ที่ ส.ว.ก็ไม่แน่ใจว่าจะผ่านหรือไม่ผ่านแล้วก็ยังมีกฎหมายอื่นๆ อีก ที่เรากำลังแก้” หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวทิ้งท้าย

การเมือง