นราธิวาส-“ทวี สอดส่อง”พร้อมคณะเข้าสักการะศาลเจ้าแม่ทับทิมนราธิวาสพบปะพี่น้องเชื้อสายจีนก่อนวันงานสมโภช

นราธิวาส-“ทวี สอดส่อง”พร้อมคณะเข้าสักการะศาลเจ้าแม่ทับทิมนราธิวาสพบปะพี่น้องเชื้อสายจีนก่อนวันงานสมโภช

นราธิวาส-“ทวี สอดส่อง”พร้อมคณะเข้าสักการะศาลเจ้าแม่ทับทิมนราธิวาสพบปะพี่น้องเชื้อสายจีนก่อนวันงานสมโภช พร้อมผลักดันช่วยเหลือพี่น้องชาวประมงในพื้นที่

วันนี้(5 พฤศจิกายน 2565) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลเจ้าแม่ทับทิม ถนนสุริยะประดิษฐ์ ตำบล บางนาค อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ พร้อมด้วยนายอัฟฟาน หะยียูโซ๊ะ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาชาติ เขต 1 จ.นราธิวาส และคณะ เข้าสักการะศาลเจ้าแม่ทับทิมจังหวัดนราธิวาสเพื่อพบปะเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีน ก่อนที่จะมีการจัดงานสมโภช มูลนิธิศาลเจ้าแม่ทับทิมนราธิวาส ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2565 โดยมีประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีนร่วมกันให้การต้อนรับ

ด้านพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ต้องเรียนว่าในวันนี้พี่น้องเชื้อสายจีนโดยเฉพาะภาษาจีน และการค้าขายเราหนีไม่พ้นประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็นสินค้าทะเล หรืออาหาร รวมถึงผลไม้ โดยเฉพาะทุเรียน ซึ่งจีนเป็นตลาดใหญ่และสิ่งที่สำคัญที่สุดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังรักษาภาษาจีนและอาจจะเป็นจังหวัดในประเทศไทยที่วันตรุษจีนเป็นวันหยุดราชการและในอนาคตภาษาจีนมีความจำเป็น เพราะปัจจุบันเป็นภาษาที่แม้จะไม่ใช่ภาษาราชการ แต่เป็นภาษาที่มีการใช้และพูดมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าของไทยถ้าคนจีนจะซื้อก็ไม่พอต่อการจำหน่าย อย่างเช่นทุเรียนเป็นต้น ซึ่งในรอบหลายปีที่ผ่านมาทุเรียนราคาดีมาก โดยเฉพาะคนที่บริโภคทุเรียนก็คือคนจีน ผมจึงคิดว่าวันนี้เราน่าจะส่งเสริมภาษาจีนเข้ามาด้วย และที่สำคัญคือทุกภาษามีความจำเป็น เพราะเราต้องค้าขายกับต่างประเทศ โดยเฉพาะสินค้าประมงเป็นต้น

โดยปัญหาที่รัฐบาลได้ออกพระราชบัญญัติการประมง ควบคุมการทำประมงจนทำให้อาชีพประมงทั้งประมงพาณิชย์และประมงพื้นบ้าน ได้รับผลกระทบจากความไม่สมดุลย์ของกฎหมายไม่ใช่ว่าเขาหล่าวนั้นไม่ขยัน ไม่ใช่ว่าไม่มีเครื่องมือ แต่ที่ไม่ทำประมงเพราะกฎหมายประมงมีขั้นตอนที่ซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบทลงโทษที่รุนแรง และการรายงานต่างๆ ซึ่งตรงนี้ทำให้อาชีพประมงเดือดร้อน และทุกพรรคการเมือง เองก็จะเข้ามาแก้กฎหมายประมงเพื่อให้สอดคล้องกับบริบท และเป็นไปตามหลักการสากล ซึ่งบทลงโทษของประมงที่ผ่านมาก็รุนแรงจนคนไม่กล้าไปทำประมง และเป็นโทษปรับสูงสุดถึง 30 ล้านบาท ซึ่งถ้าจับปลาเป็นระยะเวลา 5 ปี ยังไม่ได้เลย อีกทั้งยังมีการค้ามนุษย์ซึ่งกฎหมายมารุมประมงทั้งหมดและความไม่ชัดเจนของกฎระเบียบ เช่นทำตามระเบียบกฎหมายแล้วก็ยังมีความผิด และทำตามคำแนะนำแล้วก็ยังผิด จึงต้องเอากฎหมายมาเข้าสภาเพื่อให้เกิดความรอบคอบ และสมดุล ซึ่งหลายๆพรรคการเมือง รวมทั้งพรรคประชาชาติเอง ก็เสนอแก้กฎหมายโดยแก้ไขไว้ 18 มาตราที่จำเป็นให้ประมงอยู่รอด รวมถึงเสนอกองทุนประมง เพราะที่นี่มีฤดูมรสุมก็เลยจำเป็นต้องแก้ปัญหาโดยเฉพาะจังหวัดนราธิวาสแห่งนี้

 


ปทิตตา หนดกระโทก ผู้สื่อข่าว นราธิวาสรายงาน

ข่าวประชาสัมพันธ์ ข่าวทั่วไป สังคม