เลิกปลูกมันสำปะหลัง หันมาปลูกอินทผลัม ขายลูกสดราคาสูงกิโลละ 350-600 บาท แห่งแรกในอำเภอบัวเชด
วันที่ 27 มิถุนายน 2566 ผู้สื่อข่าวประจำจ.สุรินทร์รายงานว่านางจริยา ดีเสมอ หัวหน้าสำนักงานเกษตรอำเภอบัวเชด ได้นำทีมผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ บ้านสวนชลลริน บ้านเลขที่ 18 หมู่ที่ 2 ตำบลบัวเชด อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ พบกับนางคืน รู้รักษา เจ้าของสวนอินทผลัมหนึ่งเดียวในอำเภอบัวเชด ซึ่งกำลังให้ผลผลิตเป็นปีแรก นางคืน รู้รักษา กล่าวว่า เมื่อก่อนตนมีอาชีพปลูกมันสำปะหลัง แต่ราคาไม่ค่อยดี ลูกสาวมาปรึกษาว่าอยากจะลองปลูกอินทผลัม เพราะมีตลาดรับซื้อและสามารถส่งไปขายต่างประเทศได้ด้วย ตนจึงำด้ตัดสินใจเลิกปลูกมันสำปะหลัง หันมาปลูกอินทผลัม โดยใช้พื้นที่จำนวน 3 ไร่ และขุดบ่อน้ำอีก 2 งาน ปลูกมาแล้ว 4 ปี ปีนี้เป็นปีแรกที่ออกผล ซึ่งตอนนี้กำลังแก่ อีกประมาณ 20 วัน ก่อจะสุกเต็มที่ ตอนนี้ที่ชลลรินปลูกอินทผลัม 5 สายพันธุ์ ได้แก่ 1.สายพันธ์คาลาส 2.สายพันธุ์เมดจูน 3.สายพันธุ์ชิชิ 4.สายพันธุ์โคนีซี่ 5.สายพันธุ์บาฮีเหลือง ซึ่งทางสวนได้สั่งซื้อพันธุ์เพาะแบบเนื้อเยื่อมาจากประเทศซาอุดิอาระเบีย ประเทศอิหร่าน ซึ่งสายพันธุ์เหล่านี้จะมีความแข็งแรงและให้ผลผลิตสูง
นางจริยา ดีเสมอ หัวหน้าสำนักงานเกษตรอำเภอบัวเชด กล่าวว่า อินทผลัมเป็นพืชที่อยู่ในตระกูลปาล์ม มีความสูงประมาณ 30 เมตร ลำต้นมีขนาดประมาณ 30-50 เซนติเมตร มีใบติดอยู่บนต้นประมาณ 40-60 ก้าน ทางใบยาว 3-4 เมตร ใบเป็นแบบขนนก ใบย่อยพุ่งออกหลายทิศทาง ช่อดอกจะออกจากโคนใบ ผลทรงกลมรี ยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร ออกเป็นช่อรสหวานฉ่ำ
ต้นอินทผลัมจะเริ่มให้ผลครั้งแรกเมื่ออายุ 4-5 ปี และมีอายุยืนยาวถึงกว่า 100 ปี โดยจะให้ผลผลิตต่อปีเฉลี่ยประมาณ 7,000–8,000 ลูกต่อปี หรือประมาณ 100–150 กิโลกรัม ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับขนาดและความสมบูรณ์ของต้น อินทผลัมสามารถกินได้ทั้งผลดิบและสุก โดยผลจะมีสีเหลืองจนถึงสีส้มและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลถึงน้ำตาลเข้มเมื่อแก่จัด ผลสุกจัดมักนิยมนำไปตากแห้ง ทำให้สามารถเก็บไว้ได้เป็นเวลาหลายปี
พูนสิน ยั่งยืน รายงาน
สนใจลงโฆษณา.โทร.093-3427988
