สองพี่น้องแม่เฒ่าเมืองช้างเดือดร้อนหนักเพื่อนบ้านปิดทางระบายนํ้าจนเกิดท่วมขังบ้านมา2ปี
อําเภอรัตนบุรี เมื่อสองแม่เฒ่าชาวรัตนบุรีเดือดร้อนหนักวินวอดทุกหน่วยงานเทศบาลรัตนบุรีหรือทางอําเภอรัตนบุรีเข้ามาช่วยเหลือพวกตนด้วย หลังเพื่อนบ้านปิดท่อทางระบายนําลงสู่คูคลองสาธารณะมา2ปีจนมีนําท่วมขังบริเวณบ้านนาน2ปีมีทั้งพวกปลิง ทั้งพวกตะขาบ ทั้งพวกงู และสัตว์มีพิษอื่นๆเต็มยั่วเยี้ยไปหมดแถมนํายังเน่าเสียส่งกลิ่นเหม็นหลบกวน…ไปขอเพื่อนบ้านให้ยอมเปิดท่อระบายทางนําไหลมาหลายครั้งแต่เขาไม่ยอมพูดคุยด้วยยังบอกว่าอยากให้เปิดไปฟ้องเอาพวกตนจึงขอวินวอนหน่วยงานของรัฐมาช่วยหาทางออกให้ด้วย
วันนี้17 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของนางพัน ช่อทอง อายุ63ปี บ้านเลขที่117/1หมู่2 ตําบลรัตนบุรี อําเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ และบ้านของนางจัน ช่อทอง อายุ85ปี บ้านเลขที่117 หมู่2 ตําบลรัตนบุรีแม่เฒ่าสองพี่น้องที่ได้รับความเดือดร้อนเกี่ยวกับนําท่วมขังมานาน2ปี สะภาพทางเดินเข้า-เดินออกในซอยและบริเวณบ้านยําแย่พื้นดินซื่นแช่ะเดินทางเข้าออกแทบเดินลําบากเพราะมีรอยชึมไหลของนําเสียผ่านกําแพงรั่วเพื่อนบ้านจึงทําให้ช่องทางเดินเข้าออกชุ่มไปด้วยนํ้าและคาบตะไคลนํ้าทั้งยังเสี่ยงต่อกําแพงพังทับและอีกทั้งรอบๆบ้านยังมีนําท่วมขังส่งกลิ่นเหม็นมานาน ยิ่งช่วงฤดูฝนมวลนํ้าจากหมู่บ้านไหลผ่านทัองถนนไหลมาลงผ่านช่องทางเดินเข้า-ออก ไหลมาลงบริเวณบ้านจนเกิดการท่วมขัง เพราะนําเสียต่างๆไม่สามารถไหลผ่านท่อระบายลงสู่คลองสาธารณะได้เหมือนเดินหลังเจ้าของที่นาเพื่อนบ้านไม่ยอมให้นําไหลผ่านที่นาสู่ท่อระบายได้โดยเอาดินมาทมปิดปากท่อระบายนำ้ดังกล่าว
-นางพัน ช่อทอง แม่ม่ายวัย63 เล่าว่าตนเองมีอาชีพรับจ้างล้างจานในร้านขายอาหารตามสั่งในหมู่บ้านโดยตนอาศัยอยู่บ้านคนเดียวจึงขอวินวอนหน่วยงานภาครัฐลงมาช่วยตนและพี่สาวด้วยตอนนี้ลําบากหนักเพราะบริเวณบ้าน ห้องนํ้า เล่าไก่และส่วนหลังบ้านทางเดินเข้าออกมีนําชึมมีนําท่วมขังมานานเกือบ2ปีหลังมีเพื่อนบ้าน ที่มีทีนาติดบ้านของตนไม่ยอมให้นําไหลผ่านท่อระบายนําลงคลองสาธารณะที่ติดกับที่นาของเขาจึงทําให้นําเอ่อท่วมขังมานาน2ปี ตนและพี่สาวนางจัน เดือดร้อนอย่างหนักเพราะการเป็นอยู่แสนลําบากต้องมาคอยระวังงูเข้าบ้าน ตะขาบ ปลิงและสัตว์มีพิษต่างๆ นําก็ส่งกลิ่นเหม็นแสบจมูกบ้าน2หลังก็อาศัยเพียง3คนมีตนอาศัยอยู่คนเดียว ส่วนพี่สาวนางจัน ก็อาศัยอยู่กับลูกชายที่พิการ จึงวอนหน่วยงานของรัฐ มาช่วยทีเถอะไมรู้จะไปพึ่งใครแล้ว..(นางพัน ช่อทอง กล่าว….)
นายทวีพงษ์ เครือยา อายุ40ปี ลูกชายของนายพัน ช่อทอง ที่หอบลูกเมียไปเช่าบ้านในตัวอําเภอเล่าว่า..ตนจะแว่ะมาเยี่ยมแม่ตลอดเพราะแม่มีโรคประจําตัวหลายโรคและแม่เคยวูบล้มสาเหตุมาจากโรคความดันก่อนน่านั้นแม่เดินลุยนํ้าเข้าออกบ้านมานาน2ปีเสี่ยงถูกปลิงกัด ตะขาบ งู และสัตว์มีพิษต่างๆมากัด และเมื่อวานตนจึงได้นําเศษไม้มาทําสะพานให้แม่เดินเข้าออกโดยแม่ไม่ต้องเดินลุยนําต่อไปอีกตนจึงขอวินวอนให้หน่วยงานภาครัฐ ออกมาช่วยไกล่เกลี่ยให้เพื่อนบ้านยอมเปิดท่อระบายนําไหลผ่านที่นาได้ไหลลงคลองสาธารณะสักทีเถอะเพราะแม่และป้าเดือดร้อนหนักมาก
ภาพ/ข่าว/บุญเรือง เกษรจันทร์/080-201-0845/สุรินทร์/รายงาน/
ติดต่อลงโฆษณา สุรเดช เหลาคำ โทร0933427988