งงฉิบ..! ทำไมต้องเลือกเส้นทางที่ 3..ให้ได้ หรือผลประโยชน์ทับซ้อน มันอาจจะจริง..
ผู้เขียน…เคยนำเสนอบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไว้เมื่อวันที่ 5 ก.ย.65 “สะพานเชื่อมเกาะคอเขา มีโอกาส “แท้ง” หากยังดื้อดึงจะเลือกใช้เส้นทางที่ 3” (ยังหาอ่านได้ใน Website : pandinthaipost.com นสพ.แผ่นดินไทยโพสต์)
เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา ชาวบ้านน้ำเค็มต้องออกมาคัดค้านกันอีก เนื่องจากเห็นความไม่ชอบมาพากล กรณีที่ทางจังหวัดพังงาได้ตั้งคณะกรรมการเวนคืนที่ดินแนวเส้นทางที่ 3 และเส้นทางที่ 4 ทั้ง ๆ ที่ประเด็นนี้มันควรจะจบที่เส้นทางที่ 4 ไปนานแล้ว จึงทำให้ชาวบ้านฯเกิดความกังวลและสงสัยว่า สุดท้ายก็จะกลับมาใช้เส้นทางที่ 3 ตามที่ปักธงไว้ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ
ผู้เขียน…เป็นงงเกี่ยวกับเรื่องนี้ อะไร..ที่ทำให้ยังมีความพยายามจะเลือกใช้เส้นทางที่ 3 ให้ได้ ทั้งเป็นที่ประจักษ์ในทุก ๆ ด้านแล้วว่า ชาวบ้านน้ำเค็มเลือกให้ใช้เส้นทางที่ 4 หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ยอมให้ใช้เส้นทางที่ 3 เพราะเส้นทางที่ 3 มันผ่าเข้าหมู่บ้านน้ำเค็ม เดือดร้อนต้องเวนคืนที่ดินเกือบ 100 หลังคาเรือน หรือว่าข้อมูลเชิงลึกที่ชาวบ้านรู้มาตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ “ต้องเลือกใช้เส้นทางที่ 3 บวกกับผลประโยชน์ทับซ้อน” มาถึงวันนี้ มันอาจจะจริง เสียแล้ว..
ผู้เขียน…ขอเน้นย้ำอีกครั้ง ชาวบ้านน้ำเค็มพวกเขาไม่ได้คัดค้านการก่อสร้างสะพานเชื่อมเกาะคอเขา แต่พวกเขาคัดคานการเลือกใช้เส้นทางที่ 3 และเห็นด้วย 100 % ให้ใช้เส้นทางที่ 4 ซึ่งมีความเหมาะสมทั้งด้านความสงบเรียบร้อย และไม่ก่อให้เกิดความเดือนร้อนของประชาชน รวมทั้งระยะเส้นทางของถนนสั้นที่สุด(ตามภาพแผนที่ที่แนบมา) กระทบกับการเวนคืนที่ดินเพียงน้อยนิด เช่นนี้ก็สามารถฟันธงเลือกเส้นทางที่ 4 ได้ตั้งนานแล้ว แต่ทำไมถึงยังดื้อดึงที่จะต้องนำเอาเส้นทางที่ 3 เข้ามาเกี่ยวข้องอีก
การก่อสร้างสะพานเชื่อมเกาะคอเขา ยิ่งปล่อยให้เนิ่นนานออกไป ยิ่งจะทำให้โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวบนเกาะคอเขา จ.พังงา ช้าลงไปอีก เท่ากับจะสูญเสียผลประโยชน์ของชาวบ้านเกาะคอเขาและการท่องเที่ยวของจังหวัดพังงา..ไปไม่น้อย ทางที่ดีเรื่องนี้ท่านนายกรัฐมนตรี จัดส่งเจ้าหน้าที่ลงมาตรวจสอบหาข้อเท็จ ดำเนินการกับผู้ที่ทำให้เกิดความล่าช้า เกิดความสูญเสียรายได้ของประเทศ จะดีไหม..ครับ…….เขยพังงา