ผู้ว่าฯลำพูนเร่งจี้ให้นายอำเภอสอบคุณสมบัติ นายก อบต.เวียงแก้ว หลัง ปปช.ชี้มูล 9 ต่อ 0 นายอำเภอแจงสื่อฯไม่ได้ยื้อ
จากกรณีที่ คณะกรรมการ ชี้มูลความผิด นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเวียงแก้ว ตำบลแม่ตืน อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน เรื่องโครงการก่อสร้างโรงรถ ภายใน อบต.เวียงแก้ว งบประมาณ 158,000 บาท งบประมาณ ปี 2557 นั้น
ต่อมาข้อมูลหนังสืออ้างถึง เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2564 ได้มีหนังสือจากสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ภาค 5 อาคารสำนักงานคดีปกครองเชียงใหม่ ชั้น 4 ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ ถนนโชตนา เชียงใหม่ 50300 หนังสือเลขที่ ที่ อส จจภ/(อก5) 24 แจ้งถึงนายก อบต.เวียงแก้ว เรื่อง แจ้งสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน โดยรายละเอียดระบุว่า ด้วยท่านเป็นผู้เสียหายในคดีอาญา ตามสำนวนการไต่สวนของสำนักงาน ป.ป.ช.คดีระหว่าง คณะกรรมการ ป.ป.ช.ผู้กล่าวหา กับนายวี ศรีวิจี๋ กับพวกรวม 2 คน ผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งประมาลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 44/1 บัญญัติให้ผู้เสียหายมีสิทธิขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เพราะเหตุดีรับอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย จิตใจ หรือได้รับความเสื่อมเสียต่อเสรีภาพในร่างกาย ชื่อเสียงหรือได้รับความเสียหายในทางทรัพย์สินอันเนื่องมาจากการกระทำความผิดของจำเลย โดยยื่นคำร้องต่อศาลก่อนเริ่มการสืบพยานหรือก่อนศาลมีคำวินิจฉัยชี้ขาดคดี
บัดนี้ ทางพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 5 จะได้ยื่นฟ้องนายวี ศรีวิจี๋ กับพวกรวม 2 คน ผู้ถูกกล่าวหา ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 ในวันที่ 26 ตุลาคม 2563 เวลา 10.00 นาฬิกา ดังนั้นภายในระยะเวลาก่อนเริ่มสืบพยานหรือก่อนศาลมีคำวินิจฉัยชี้ขาดคดี หากท่านประสงค์จะดำเนินการในเรื่องดังกล่าวด้วยตนเอง ท่านสามารถไปติดต่อดำเนินการได้ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 ตามแผนที่ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
อนึ่งในกรณีที่ผู้เสียหายได้รับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวจนเป็นที่พอใจแล้วหรือได้ใช้สิทธิฟ้องคดีฟ้องคดีแพ่งเรียกค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวด้วยตนเองแล้ว ผู้เสียหายอาจไม่มีสิทธิยื่นคำร้องเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยตามประมาลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 44/1 อีก และหากผู้เสียหายได้ใช้สิทธิยื่นคำร้องเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนจากจำเลย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 44/1 แล้ว จะไม่มีสิทธิยื่นฟ้องคดีแพ่งเรียกค่าสินไหมทดแทนในเรื่องเดียวกันอีก หากมีข้อสงสัยประการใด ขอให้สอบถามพนักงานอัยการ โทร053-112237 ต่อ 410-413
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในเรื่องดังกล่าวอยู่ในระหว่างขั้นตอนของการประทับรับฟ้อง ยังไม่มีรายงานความคืบหน้าการตัดสินในทางคดี ในส่วนหน้าที่รับผิดชอบของอำเภอลี้ มีหน้าที่ดำเนินการตามมติของ ป.ป.ช.ที่มีมติ 9 ต่อ 0 แต่เรื่องผ่านมานานกว่า 3 เดือน ทางอำเภอลี้ยังไม่ได้ดำเนินการตามระเบียบอำนาจหน้าที่ ซึ่งตามหลักกฎหมายและระเบียบต้องสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ และการดำเนินการไม่เป็นไปตามระเบียบประกาศคำสั่งของกระทรวงมหาดไทย แต่ยังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการ ซึ่งล่าช้ามาก ผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามความคืบหน้าเรื่องดังกล่าวจากนายวิวัฒน์ จันทร์โอภาส นายอำเภอลี้ นายวิวัฒน์ กล่าวเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตอนนี้ในส่วนของจังหวัดได้แจ้งอำเภอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งคณะกรรมการก็จะมีเวลาสอบข้อเท็จจริงอยู่ และเมื่อผลปรากฏออกมาว่ามีความผิดที่มีมูลจริงก็จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป นั่นก็คืออาจจะหยุดการปฏิบัติหน้าที่หรือสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ หรือแล้วแต่กรณีที่คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงจะสรุปสำนวนข้อเท็จจริงเสนอมา
ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมไม่ดำเนินการตามประกาศของกระทรวงมหาดไทย ข้อที่ 1.3 ตามประกาศที่ มท 08047 ว 51 เรื่องการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจกับผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ประธานสภาท้องถิ่นหรือรองประธานสภาท้องถิ่น ที่ลงนามโดยนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2564 ทำไมจึงไม่ดำเนินการตามประกาศคำสั่งดังกล่าว เป็นการยื้อเรื่องหรือไม่อย่างไร นายวิวัฒน์กล่าวว่า ไม่ใช่ครับ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายนะครับ คือการถือปฏิบัตินั้นนายอำเภอถือตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล ปี 2537 ในเรื่องนี้เอง ป.ป.ช.มีอำนาจหน้าที่ ในส่วนของ ป.ป.ช.ก็จะดำเนินการเกี่ยวกับนักการเมืองท้องถิ่นหรือผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกระทำการทุจริตหรือไม่อย่างไรต่อตำแหน่งหน้าที่ ในขณะเดียวกันนายอำเภอในฐานะที่มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ปฏิบัติเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งมันจะมีลักษณะของการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งเรื่องของการบริหาร ทั้งเรื่องของการดำเนินการตามระเบียบกฎหมายต่างๆที่ค่อนข้างจะเยอะ ดังนั้นเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ก็จึงมีการให้สอบสวนในลักษณะของการสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม โดยใช้สำนวนของ ป.ป.ช.เข้ามาเป็นตัวหนึ่งในสำนวนของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง สำนวนของ ป.ป.ช.เองก็ยังอยู่ในสำนวนของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จด้วย แต่เพื่อให้เกิดความรอบคอบในส่วนไหนที่ยังไม่ได้สอบผู้ที่เกี่ยวข้อง ตรงนี้เราดึงเข้ามาสอบด้วย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย และในขณะเดียวกันการทำงานของนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ถ้าหากว่าเป็นความผิดหรือถ้าหากว่าจะทำให้ทางราชการเสียหายนั้นเราก็ต้องระงับอยู่แล้ว
คิดว่าไม่เกิน 30 วัน ตั้งคณะกรรมการสอบเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เบื้องต้นต้องรอผลจากคณะการการสอบสวนข้อเท็จจริง เมื่อวานก็ยังได้คุยกับคณะกรรมการว่าในส่วนไหนที่ยังไม่ได้สอบเพิ่มเติมในประเด็นที่เป็นข้อสงสัย หรือเป็นประเด็นที่สำคัญ ก็ให้นำพยานเข้ามาสอบสวนเพิ่ม พร้อมทั้งขอพยานหลักฐานเพิ่มเติม ส่วนคำถามที่ว่าทางอำเภอกำลังยื้อเรื่อง นายวิวัฒน์กล่าวเพิ่มเติมว่า คือเรื่องของการยื้อคงไม่ได้ยื้อนะครับ เพราะว่าการทำงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่เฉพาะแค่แห่งเดียว ก็มีหลายแห่งที่มีลักษณะเดียวกัน อาจจะมีทั้งในส่วนของผู้ที่ร้องเรียน และในส่วนของ ป.ป.ช.ที่ดำเนินการอยู่ ในส่วนนี้เองเราเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ในการดำเนินการเราถือปฏิบัติตามระเบียบกฎหมายอย่างเคร่งครัดอยู่แล้ว เพราะว่าส่วนหนึ่งนายอำเภอเองก็ต้องรับผิดชอบอยู่แล้วในการทำหน้าที่ของนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหรือว่านายกเทศมนตรีก็แล้วแต่ ประกอบกับพื้นที่อำเภอลี้มีถึง 10 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในส่วนเรื่องของการยื้อนั้นไม่ได้ยื้อแน่นอนนายวิวัฒน์กล่าวกับผู้สื่อข่าว
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายวรยุทธ เนาวรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ถึงเรื่องดังกล่าว เรื่องตั้งกรรมการสอบ ทราบว่าเขาตั้งกรรมการสอบมา 2 อาทิตย์แล้ว ผมเร่งนายอำเภอแล้ว คือก่อนนั้นนายอำเภอเขาไปอบรมจิตอาสามา 2 เดือน และเร่งให้สอบพิจารณาคุณสมบัติของนายก อบต.เวียงแก้ว ด้วย จะเร่งให้ทางอำเภอดำเนินการ
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถามนายวี ศรีวิจี๋ นายกฯอบต.เวียงแก้ว เพื่อสอบถามเรื่องดังกล่าวและเพื่อขอคำชี้แจง เพื่อความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย นายวี กล่าวกับผู้สื่อข่าวเพียงสั้นๆว่า ยังไม่สะดวกให้ข้อมูล ก่อนจะวางสายไป
