กาญจนบุรี – ค่าหัวสูงขนกันไม่หยุด!! รวบ 24 แรงงานชาวเมียนมา 9 โรฮิงญา ถูกทิ้งกลางป่า อ้างนายหน้าชาติเดียวกันนำพาลอบเข้าไทย เป้าหมาย 6 จว.หัวละ 14,000-16,000 บาท

กาญจนบุรี – ค่าหัวสูงขนกันไม่หยุด!! รวบ 24 แรงงานชาวเมียนมา 9 โรฮิงญา ถูกทิ้งกลางป่า อ้างนายหน้าชาติเดียวกันนำพาลอบเข้าไทย เป้าหมาย 6 จว.หัวละ 14,000-16,000 บาท

กาญจนบุรี – ค่าหัวสูงขนกันไม่หยุด!! รวบ 24 แรงงานชาวเมียนมา 9 โรฮิงญา ถูกทิ้งกลางป่า อ้างนายหน้าชาติเดียวกันนำพาลอบเข้าไทย เป้าหมาย 6 จว.หัวละ 14,000-16,000 บาท ส่วน 9 โรฮิงญา รับจ่ายหัวละ 20,000 บาท ผ่านไทยมุ่งหน้ามาเลเซีย

จากนโยบายของนายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พล.ต.บรรยง ทองน่วม ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ พล.ต.ต.วรณัน สุขเจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี พ.อ.สิทธิพร จุลปานะ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า (ผบ.ฉก.ลาดหญ้า) กกล.สุรสีห์ พ.อ.เฉลิมพล สังข์ต้อง รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พ.ต.อ.วิสูตร สถิตย์ ผกก.สภ.สังขละบุรี ว่าที่ พ.ต.อ.สุกิจ ก้องจตศักดิ์ ผกก.ตชด.13 (ค่ายพระพุทธยอดฟ้า)นายปกรณ์ กรรณวัลลี นอภ.สังขละบุรี

สั่งการให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดแต่ละหน่วยสนธิกำลังลาดตระเวนเฝ้าระวังป้องกันและปราบปรามการลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยของแรงงานชาวเมียนมา โดยผิดกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัวโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 โดยเฉพาะเส้นทางเดินเท้า เข้า-ออก ทางธรรมชาติตามแนวตะเข็บชายแดนที่มีระยะทาง 371 กิโลเมตร รวมทั้งเส้นทางถนนสาย 323 ด่านเจดีย์สามองค์-สังขละบุรี-ทองผาภูมิ-ไทรโยค-กาญจนบุรี และเส้นทางด่านถาวรบ้านพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งเส้นทางทั้งสองเป็นถนนสายหลักที่มุ่งหน้า เข้า-ออก ระหว่างประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลางดึกวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา ต่อเนื่องมาถึงรุ่งเช้าของวันที่ 6 มี.ค.64 คณะเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันจับกุมตัว 33 แรงงานชาวเมียนมา ขณะหลบซ่อนตัวอยู่กลางป่าบริเวณ เส้นทางธรรมชาติหินสามก้อน บ้านซองกาเรีย หมู่ 8 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี ที่พิกัด MS398809

จากสภาพของทุกคนค่อนข้างอิดโรย เนื้อตัวมอมแมม คาดว่าไม่ได้กินข้าวและอาบน้ำมานานหลายวัน ซึ่งหลังจากคณะเจ้าหน้าที่คุมตัวแรงงานทั้งหมดมาถึง สภ.สังขละบุรี จึงได้สั่งซื้อข้าวและน้ำมาให้ทุกคนได้ดื่มกินตามหลักมนุษยธรรม ที่เป็นสากล

จากการตรวจสอบพบว่าแรงงานชาวเมียนมา ทั้ง 33 คน เป็นชาย 16 คน หญิง 17 คน 2 ใน 17 คนที่เป็นหญิงมีอายุเพียง 3 ขวบ และอายุ 11 เดือน โดยแยกเป็นบุคคลเชื้อชาติมอญ จำนวน 7 คน กะเหรี่ยง จำนวน 14 คน เมียนมา 3 คน และที่สำคัญมีชาว โรฮิงญา ที่เดินทางมาจากเมืองยะไข่ จำนวน 9 คน เป็นชาย 4 คน หญิง 5 คน

ทั้งนี้จาการสอบสวนทราบว่า แรงงานชาวเมียนมา จำนวน 24 คน มีจุดหมายที่จะไปทำงานกับนายจ้างในพื้นที่ จ.ราชบุรี นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรสาคร และ กทม.โดยจะต้องจ่ายค่าหัวให้กับนายหน้าที่เป็นเป็นชาวเมียนมาด้วยกันคนละ 14000-16000 บาท ราคาค่าหัวขึ้นอยู่กับระยะทางการเดินทางใกล้หรือไกล ส่วนชาวโรฮิงญา ที่เดินทางมาจากเมืองยะไข่ จำนวน 9 คน มีจุดมุ่งหมายที่จะเดินทางผ่านประเทศไทยไปยังประเทศมาเลเซีย โดยจะต้องจ่ายค่าหัวให้กับนายหน้าเป็นเงินคนละ จำนวน 20,000 บาท ซึ่งค่าหัวที่สูงเช่นนี้ก็เป็นการเสี่ยงที่มีลักลอบขนแรงงานอย่างตลอดเวลา แม้เจ้าหน้าที่จะเข็มงวดอย่างไรก็ตาม หากจับได้ก็ถูกผลักดันออก แต่หากหลุดไปได้ก็ถือว่าโชคดีไป

พ.อ.เฉลิมพล สังข์ต้อง รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ เปิดเผยว่า สำหรับพฤติการณ์ก่อนการจับกุมในครั้งนี้นั้น สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้คณะเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยเป็นแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย กำลังหลบซ่อนตัวอยู่กลางป่าหุบเขาท้องที่หมู่ 8 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี

หลังจากได้รับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาของแต่ละหน่วยงานทราบ จากนั้นจึงนำกำลังเดินทางไปตรวจสอบบริเวณพิกัดตามที่ได้รับแจ้ง จนกระทั่งพบและสามารถจับกุมตัวแรงงานจำนวนข้างต้นเอาไว้ได้

จากการซักถาม 1 ในผู้ต้องหาที่สามารถพูดไทยได้ ให้การว่าตนกับพวก ได้ติดต่อกับนายหน้าชาวเมียนมา ด้วยกันเพื่อให้นำพาข้ามชายแดนมายังฝั่งไทยด้วยการใช้โทรศัพท์ จากนั้นก็ได้มีการนัดหมายให้มารวมตัวกันที่ กิ่งอำเภอพญาตองซู ประเทศเมียนมา ที่อยู่ตรงข้ามกับประเทศไทยบริเวณบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู โดยทุกคนได้มารวมตัวกันตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา

ต่อมาช่วงเช้าของวันที่ 5 มี.ค.นายหน้าชาวเมียนมาที่ติดต่อกันทางโทรศัพท์ได้มาพบพวกตน โดยมาด้วยกันจำนวน 4 คน จากนั้นได้เดินหน้านำพาพวกตนข้ามมายังฝั่งไทย ด้วยใช้การเดินเท้ามาตามเส้นทางธรรมชาติบริเวณเส้นทางรถไฟเก่าข้างวัดพิมละม่อม

จากนั้นเดินเท้าไปตามชายป่าที่เป็นหุบเขาเพื่อหลบเลี่ยงเจ้าหน้าที่ฝั่งไทย แล้วเดินข้ามลำน้ำซองกาเรีย เมื่อมาถึงจุดถูกจับกุม นายหน้าชาวเมียนมาสั่งให้พวกตนหลบอยู่ภายในป่า แล้วจะมีคนขับรถยนต์มารับเพื่อมุ่งหน้าไปทำงานตามจังหวัดเป้าหมาย หลังจากนั้นนายหน้าชาวเมียนมาก็เดินทางกลับประเทศ แต่ก็ยังไม่มีใครขับรถยนต์มารับพววกตนจนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวเอาไว้ได้

จากการตรวจวัดอาการไข้ของแรงงานทั้ง 33 ราย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เบื้องต้นผลการตรวจอุณหภูมิเป็นปกติ ไม่มีใครอุณหภูมิเกิน 37.5 องศา แม้แต่รายเดียว แต่เพื่อความไม่ประมาท คณะเจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวแรงงานทั้ง 33 รายไปตรวจร่างกายอีกครั้งหนึ่งที่ รพ.สังขละบุรี จากนั้นได้นำตัวส่ง พ.ต.ท.มงคล เกิดไทยดี สว.(สอบสวน)สภ.สังขละบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป./
/////////////////////////////////////////


ทีมข่าวภูมิภาค / กาญจนบุรี

สังคม