กาญจนบุรี งานนี้ไม่หมูเพราะหมูส่งกลิ่นเหม็นชาวบ้านร้องสื่อฯ!!หลังพบซากหมูบรรจุถุงดำ ถุงปุ๋ย ลอยติดริมตลิ่งริมอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ บริเวณท่าเรือหลังเจดีย์พุทธคยา เทศบาลตำบลวังกะ ปศุสัตว์ อำเภอสังขละบุรี เร่งเข้าจัดเก็บและทำการพ่นเชื้อ หวั่นเป็นแหล่งระบาดโรค คาดผู้เลี้ยงสุกรในพื้นที่นำมาทิ้งหลังหมูที่เลี้ยงล้มตาย ที่ผ่านมาเกิดโรคระบาดจนเป็นเหตุให้สุกรที่เกษตรกรในพื้นที่ อ.สังขละบุรี ล้มตายไปแล้วกว่า 170 ตัว และก่อนหน้านี้ได้เคยนำเสนอข่าวสุกรเสียชีวิตไปแล้วเช่นกัน
วันนี้ 31 พ.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ว่าพบซากสุกรบรรจุถุงดำ และ ถุงปุ๋ย ลอยกลางน้ำและบางส่วนเกยตื้นอยู่ริมตลิ่ง อ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ บริเวณท่าเรือเจดีย์พุทธคยา บ้านวังกะ หมู่ที่ 2 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ใกล้ๆแพจุดตรวจทางน้ำแม่น้ำบี่คลี่ ของ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม และ แพของหน่วยป้องกันและปราบปรามประมงน้ำจืดเขื่อนวชิราลงกรณ (กาญจนบุรี) คาดเป็นหมู่ที่ติดโรคตาย และ เจ้าของชำแหละซากก่อนนำมาทิ้ง หวั่นจะกลายเป็นแหล่งแพร่ระบาดของโรค
เมื่อเดินทางไปถึง พบซากหมูบางส่วนถูกสุนัขและนกอีกา คาบขึ้นมาแทะกินอยู่ริมฝั่ง บางส่วนบรรจุอยู่ในถุงดำและถุงปุ๋ยลอยอยู่กลางน้ำและเกยตื้นอยู่ริมตลิ่ง ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว เนื่องจากซากหมูเริ่มเน่า จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่เทศบาลวังกะ และ ปศุสัตว์อำเภอสังขละบุรี
ในเวลาต่อมา นายรอน สืบยิ้ม รองนายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลวังกะ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เทศบาล และ เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ อำเภอสังขละบุรี เดินทางมาถึง ก่อนจะทำการจัดเก็บซากหมูทั้งหมด และ ทำการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ ในพื้นที่ที่พบซากสุกร และบริเวณโดยรอย พบซากสุกรทั้งหมด 6 ถุง น้ำหนักกว่า 200 กก. เจ้าหน้าที่เทศบาลจึงได้นำซากหมูทั้งหมดขึ้นรถยนต์ เพื่อนำไปกำจัดอย่างถูกวิธีต่อไป
นายรอน สืบยิ้ม เผยกับผู้สื่อข่าวว่า จะสืบหาเจ้าของซากสุกร เพื่อมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป เนื่องจากการนำซากสุกรมาทิ้งในแหล่งน้ำ คูคลองสาธารณะ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่ใช้เพื่อการอุปโภค บริโภค เช่นนี้ถือว่ามีความผิด พร้อมทั้งฝากไปถึงเกษตรกรผู้เลี้ยงหมู หากพบว่าสุกรที่เลี้ยงไว้มีอาการป่วยสามารถแจ้งปศุสัตว์ อำเภอให้เข้าไปดูแล ทำการรักษาได้ เพื่อป้องกันการระบาดของโรค หรือถ้าหากสุกรล้มตาย หลังแจ้งปศุสัตว์อำเภอแล้ว ไม่สามารถกำจัดซากสุกร สามารถแจ้งเทศบาลฯให้เข้าช่วยจัดเก็บซากสุกร เพื่อนำไปกำจัดอย่างถูกวิธีได้ ทั้งนี้เพื่อป้องกันโรคสุกร ที่ระบาดในพื้นที่ อ.สังขละบุรี ในขณะนี้
ซึ่งในห้วงเวลาที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันพบว่ามีสุกรในพื้นที่ ล้มตายไปแล้วกว่า 170 ตัว สร้างความสูญเสียให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร เป็นมูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ปศุสัตว์จังหวัดกาญจนบบุรี กำลังเร่งหาทางช่วยเหลือเยียวยา ..
ด้านนายไพรัตน์ อ่อนจันทร์ เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและปราบปรามประมงน้ำจืดเขื่อนวชิราลงกรณ (กาญจนบุรี) เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ซากหมูที่เห็นน่าจะมีคนนำแอบเอามาทิ้งในช่วงกลางคืนที่ผ่านมา เนื่องจากเมื่อวานนี้ ตนขับเรือตรวจการทำประมงผิดกฎหมายผ่านมาในพื้นที่นี้ ยังไม่พบซากหมูดังกล่าว หรือไม่อาจจะนำมาทิ้งก่อนหน้านี้ แต่จมน้ำอยู่ จนเมื่อเริ่มเน่าจึงลอยขึ้นมาผิวน้ำก่อนถูกกระแสลมพัดลอยมาติดฝั่ง
พร้อมฝากเตือนประชาชนอย่าทำพฤติกรรมเช่นนี้ เนื่องจากอาจเป็นการทำให้เกิดการระบาดของโรคสู่แหล่งน้ำและปลาที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งเป็นแหล่งอาหารโปรตีน ราคาถูกของประชาชนในพื้นที่ รอบๆ อ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ
สำหรับปัญหาดังกล่าวก่อนหน้านี้ประมาณกลางเดือน พฤษภาคม ที่ผ่านมาตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วว่า ทางสำนักงานปศุสัตว์ จ.กาญจนบุรี ร่วมกับ นายนาธาร ปานอุทัย หน.ปศุสัตว์อำเภอสังขละบุรี พร้อมคณะ เร่งลงพื้นที่เข้าตรวจสอบหลังทราบว่าสุกรมีปัญหาด้านระบบทางเดินหายใจ จึงได้เก็บตัวอย่างในสุกร และเจาะเลือดสุกร เพื่อส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อวินิจฉัยสาเหตุการตายของสุกรดังกล่าวเกิดจากสาเหตุอะไรและเป็นโรคระบาดสัตว์ตาม พรบ. โรคระบาดสัตว์ พฺ.ศ. 2558 หรือไม่ ทั้งนี้สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดจะได้ดำเนินการช่วยเหลือ เกษตรกร ในส่วนที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนของกรมปศุสัตว์ ไปแล้ว ส่วนซากที่พบนี้ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับสุกรของชาวบ้านในพื้นที่ตำบลบ้านใหม่ที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะได้ติดตามหาเจ้าของซากหมูที่นำไปทิ้งในอ่างเก็บน้ำครั้งนี้ต่อไป./
////////////////////////////
ปรีชา ไหลวารินทร์ / กาญจนบุรี