จุดคบไฟใต้ โดย ไชยยงค์ มณีพิลึก
บีอาร์เอ็นกับการสร้าง”วาทกรรม”เพื่อการ”ฉกฉวยโอกาส”ในการหลอกลวง”มุสลิม”ในจังหวัดชายแดนภาคใต้
สงครามเชื้อโรค ( โควิด 19 )กับสงครามแบ่งแยกดินแดน ในพื้นที่ 3 จังหวัด 4 อำเภอ วันนี้กลายเป็นเรื่องเดียวกันอย่างแยกกันไม่ออก เพราะจาก ถ้อยแถลง ของ”อับดุลการิม คอริค “ หรือ “รอมลี แบเลาะ” ประชาสัมพันธ์ ขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น ที่ส่งถึงผู้คนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องในวัน”รายาอีดิลอัฎฮา” เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา มีสาระที่ต้องนำมา “วิเคราะห์” และ”สังเคราะห์” เพื่อให้เห็นถึง “แก่นแท้” และ”เส้นทาง” ของ” บีอาร์เอ็น” เพื่อที่จะได้”รู้เขารู้เรา” เพื่อการ”รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง”อย่างที่ตำรวจพิชัยสงครามของ”ซุนหวู” ได้เขียนไว้ใน อดีต และยังทันสมัยแม้ในโลกยุค”ดิจิตัล”
แน่นอน”ชนะโดยไม่ต้องรบ” คือชัยชนะที่เด็ดขาด แต่ยากที่จะเป็นไปได้ โดยเฉพาะ สงครามแบ่งแยกดินแดนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เป็น สงครามประวัติศาสตร์ ซึ่งเกี่ยวพันกับ ประวัติศาสตร์,ชาติพันธ์ และ ศาสนา ที่ ขัดแย้งและ”รบพุ่ง”กันมาเป็น 100 ปี
และทุกวันนี้ ก็ยังมีการ สูญเสีย”เลือดเนื้อ” เกิดขึ้น ที่ผ่านมาในเดือน กรกฏาคม-สิงหาคม มี เจ้าหน้าที่รัฐ ต้อง บาดเจ็บ ล้มตายไปกี่คน และมีประชาชน ที่ บาดเจ็บ ล้มตาย โดยไม่มีการระบุสาเหตุที่ชัดเจนว่า เป็นการตายเพราะเรื่องส่วนตัว หรือ เรื่องการเป็น “สายข่าว” ให้ฝ่ายรัฐ และ ฝ่ายโจร อีกกี่คน นี่คือการ สูญเสีย เลือดเนื้อ และ ชีวิต จาก สงครามแบ่งแยกดินแดนที่”รบพุ่ง”กันมาอย่างยาวนานในแผ่นดิน” ปลายด้ามขวาน”
และแม้แต่ในห้วงเวลาของการระบาดอย่างหนักหน่วงของ”โควิด 19” ใน 3 จังหวัด 4 อำเภอของ จังหวัดสงขลา ซึ่ง ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( ศอ.บต.) และ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ( กองทัพภาคที่ 4 ) ได้ ทุ่มเทสรรพกำลังเข้าปฏิบัติการเพื่อ ลด และ หยุด การระบาด ที่มีคน เสียชีวิต”รายวัน” เป็น”ใบไม้ร่วง” และ มีผู้ติดเชื้อ จนต้องปิดหมู่บ้านหรือ””ล็อคดาวน์” จนประชาชนในพื้นที่ได้รับความทุกข์ความ”เสดสา” จากการระบาดของ”โควิด 19”
แทนที่ บีอาร์เอ็น จะเห็นถึงการ”ทุ่มเท” ของ ศอ.บต. และ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ในการปฏิบัติการช่วยคลี่คลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับประชาชน บีอาร์เอ็น กลับออกมากล่าว”โจมตี” ว่า กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ฉวยโอกาส ที่เกิดสงครามโรคระบาดครั้งใหญ่ ส่งเจ้าหน้าที่นับพันนายเข้าในหมู่บ้านทำการโจมตีกองทัพนักต่อสู้ชาวปาตานีเพื่อทำการ”เก็บตัว” ในการเปิดช่องทางแก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในการแก้ไขการระบาดของ”โควิด 19”
ซึ่ง “บีอาร์เอ็น” คงหมายถึงการที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า “สนธิกำลัง” เข้าปิดล้อมในหลายพื้นที่ ตั้งแต่”ยะหริ่ง,สายบุรี, และ “หนองจิก” และมีการ”ปะทะ”กัน ระหว่าง เจ้าหน้าที่กับ”แนวร่วม” ระดับ ปฏิบัติการ ที่มีหมายจับ ทั้ง ป.วิอาญา และหมายจับ พรก.ฉฉ. จนทำให้ ขบวนการแบ่งแยกดินแดน บีอาร์เอ็น สูญเสีย “แนวร่วม” ซึ่งมีประวัติ “หฤโหด” ไปหลายศพ จากการ”วิสามัญ”ของ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ซึ่ง บีอาร์เอ็น อ้างว่า เจ้าหน้าที่รัฐไทย ฉวยโอกาส ทั้งที่ไม่เคยมี ข้อตกลงที่ไหน อย่างไร ว่าในห้วงของ”โควิด 19” เจ้าหน้าที่รัฐ จะต้องหยุดการ ตรวจค้น จับกุม แนวร่วม ของขบวนการแบ่งแยกดินแดน
ความจริง บีอาร์เอ็น ต่างหาก ที่กำลัง ฉวยโอกาส ในห้วงของการเกิดสงครามเชื้อโรค ซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งอยู่ระหว่างการ ปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชน ให้พ้นจากการติดโรคระบาด จากการ เสียชีวิต เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตโดย ปกติสุข โดยเร็ว
แสดงว่า บีอาร์เอ็น มองไม่เห็น ปฏิบัติการของ ศอ.บต. มองไม่เห็น ปฏิบัติการของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ที่ออกไป ช่วยเกษตรกร ผู้ขายผลผลิตไม่ได้ ด้วยการระดมซื้อผลผลิตในพื้น ทั้ง ฟัก, แฟง ,แตกกวา ,มังคุด,ทุเรียน ลองกอง นำมา แจกจ่าย ให้กับ คนที่เดือดร้อน ที่ถูก”ล็อกดาวน์” ปิดหมู่บ้าน ซึ่งส่วนใหญ่คือ”มุสลิม” เป็น”ชาติพันธุ์เดียวกับ “บีอาร์เอ็น นั้นเอง
บีอาร์เอ็น แกล้งที่จะ มองไม่เห็น ถึงการที่ ศอ.บต. ตั้งโรงครัว และมีอาหาร พระราชทาน จากสภาการชาดไทยฯ เพื่อ แจกจ่าย ให้กับผู้เดือดร้อน รวมทั้งการที่ เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายโดยเฉพาะ แพทย์ พยาบาล และ สาธารณสุข ที่ใช้”ชีวิต” เข้าแลกกับการ รักษาพยาบาล ผู้ติดเชื้อ ซึ่งก็เป็น “พี่น้อง ชาติพันธุ์เดียวกับ บีอาร์เอ็น เกือบทั้งสิ้น
อย่างนี้แล้ว บีอาร์เอ็น ยังกล้าที่จะ”โฆษณาชวนเชื่อ” ว่า ผู้ปกครองประเทศนี้ และ เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ยังเห็นคนในพื้นที่ ที่เป็น”มุสลิม” เป็นพลเมืองชั้น 3 ของประเทศ ถ้าเป็นจริงอย่างที่ บีอาร์เอ็น กล่าว ก็ขอให้ คนในพื้นที่ออกมาแสดงตัว และบอกถึงเหตุผลของการเป็น พลเมืองชั้น 3 ในจังหวัดปัตตานี,ยะลา และ นราธิวาส รวมทั้ง 4 อำเภอของจังหวัดสงขลาว่า การเป็นพลเมืองชั้น 3 เป็นอย่างไร แตกต่างกับการเป็น พลเมืองชั้น 1 และชั้น 2 ตรงไหน และ ใครบ้างที่เป็นกลุ่มประชาชนที่เป็น พลเมืองชั้น 1 และ ชั้น 2 ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีหลักฐาน”เชิงประจักษ์” หรือไม่ อย่างไร
ประเด็นต่อมา “บีอาร์เอ็น”กล่าวว่า เผด็จการสยามทำให้ประชาชนอยู่ในสภาวะที่ยากลำบากทางเศรษฐกิจ และรัฐบาลให้การสนับสนุนต่อนักลงทุนและนักธุรกิจรายใหญ่ เป็นการแสวงหาประโยชน์ของนักล่าอาณานิคม ประเด็นนี้ บีอาร์เอ็น ก็ฉวยโอกาสในการ”โปรประกันดา” โดยไม่มองถึงข้อเท็จจริงว่า การเกิดขึ้นของ โรงงานอุตสาหกรรม ของ ธุรกิจต่างๆ ในพื้นที่ผู้ที่มีส่วนได้รับประโยชน์คือใคร
โรงงานในพื้นที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ทุกโรง คนที่เป็น เจ้าหน้าที่ เป็น แรงงาน ในโรงงานคือ”มุสลิม” ในพื้นที่ ใช่หรือไม่ เช่นเดียวกับ การลงทุนของ “เอกชน” ที่เข้ามาลงทุนในพื้นที่ 3 จังหวัด 4 อำเภอของ จ.สงขลา คนที่ได้เข้าสู่ตำแหน่งงานมากที่สุดเป็น”มุสลิม” ใช่หรือไม่ และ การเกิดขึ้นของ “อุตสาหกรรม” การที่คนในพื้นที่มีงานทำ เป็นการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับพวกเขาใช่หรือไม่ ประเด็นนี้ บีอาร์เอ็น ต้องตอบ
การที่ ศอ.บต. ต้อง”แปลงร่าง” เป็น “จัดหางาน” เพื่อ หางานให้กับคน”มุสลิม” ในพื้นที่ 3 จังหวัด แล้วส่งไป ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมในภาคต่างๆของประเทศ เช่นที่ จ.เพชรบุรี,กาญจนบุรี” ระยอง และ อื่นๆ เป็นความประสงค์ของคนในพื้นที่ 3 จังหวัดไม่ใช่หรือ เช่นเดียวกับที่ พวกเขา ต้อง เดินทางไป ทำงานในประเทศมาเลเซีย ก่อนที่จะมีปัญหา”โควิด 19เป็นเพราะในพื้นที่ 3 จังหวัด และ 4 อำเภอ ไม่มี แหล่งงาน ไม่มี โรงงานอุตสาหกรรมเพื่อเป็นที่รองรับให้เขามีงานทำ ไช่หรือไม่ และการที่ ศอ.บต. ส่งเสริม ให้มีการ ลงทุนของภาคเอกชน ด้วยการ สร้างอุตสาหกรรม เพื่อให้ คนในพื้นที่ได้มีงานทำ ไม่ต้อง “โยกย้าย” หรือ ทิ้งบ้าน ทิ้งลูก ทิ้ง เมีย ไปทำงานยัง ต่างบ้านต่างเมือง บีอาร์เอ็น ควรจะ ดีใจ ที่ รัฐบาลไม่ทอดทิ้งคน”มุสลิม” ที่ ยากลำบาก และกำลังที่จะ พัฒนาคุณภาพชีวิตของคน”มุสลิม” ที่เป็นคนส่วนใหญ่ในพื้นที่ให้ดีขึ้น ประเด็นนี้ บีอาร์เอ็น คิดอย่างไร หรือ บีอาร์เอ็น ต้องการเห็นคนในพื้นที่ ยากจน ลำบาก ต้อง อพยพ ไปทำงานใน มาเลเซีย เพื่อให้คนเหล่านี้เป็น”เหยื่อ”ของ บีอาร์เอ็น ใช่หรือไม่
ความหมายที่ บีอาร์เอ็น ต้องการ”ส่งผ่าน” ให้กับ”แนวร่วม” และ”มวลชน” ที่เป็น”มุสลิม” หมายถึงให้รวมมือกันต่อต้าน นโยบายเศรษฐกิจการลงทุนในพื้นที่ ใช่หรือไม่ ถ้าใช่ นอกจากการต่อต้าน การขับเคลื่อน การลงทุนในพื้นที่ ซึ่งเป็นกลุ่มทุน”เอกชน” จากต่างชาติ และจาก ส่วนกลาง ซึ่งหมายความว่า นโยบายของ บีอาร์เอ็น คือให้ ภาคประชาสังคมที่เป็น”ปีกทางการเมือง” ของ บีอาร์เอ็น ประสานกับ เครือข่าย ภาคี ในพื้นที่ ซึ่งเป็น เอ็นจีโอ เป็น กลุ่ม นักวิชาการ นักการศาสนา ที่ต่อต้านโครงการต่างๆ ที่ถูกขับเคลื่อนให้เกิดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในชื่อ”โครงการสามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน หรือ”เมืองต้นแบบ ใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั่นเอง
สิ่งที่ “อับดุลการิม คอริค” หรือ “รอมลี แบเลาะ” ได้ออกมาแถลงการณ์ ถึงชาวมุสลิมในปัตตานี จึงเป็น”วาทกรรม” ที่เป็นการ “หลอกลวง” และต้องการให้คนในพื้นที่”โง่ งมงาย” ต่อไป เพื่อที่ บีอาร์เอ็น จะได้ “ครอบงำ” และทำการ”ชักจูง”ไปในทิศทางที่ต้องการ นั้นคือ”เอกราช” ที่เป็น “เอกราชทิพย์” ที่ ยากในการประสพความสำเร็จ และในถ้อยแถลงทั้งหมดทุกข้อของ “บีอาร์เอ็น” เนื่องในวัน”รายออัฎฮา”ครั้งนี้ มีเพียงเรื่องเดียวที่เป็นเรื่องจริง นั่นคือ เรื่องการ”ทุจริตคอรับชั่น”ของรัฐบาล และ”ท้องถิ่น”ที่เป็นเรื่องจริง และรับฟังได้
ในฐานะที่ “บีอาร์เอ็น” มีมวลชน ในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถ้า บีอาร์เอ็น เห็นว่าการ ทุจริตคอรับชั่น เป็นสิ่งที่ต้อง”กำจัด” ออกไป ในการเลือกตั้งท้องถิ่นไม่ว่าจะเป็น ระดับใด บีอาร์เอ็น ต้อง รณรงค์ ให้คนในพื้นที่ ต่อต้าน ปฏิเสธ ที่จะไม่รับ นักเลือกตั้ง ที่เข้ามาเพื่อ”ทุจริตคอรับชั่น” เงินภาษีของคนในพื้นที่ หรือ บีอาร์เอ็น จะใช้ วิธีการใดก็แล้วแต่ ในการที่จะไม่ให้ นักเลือกตั้ง”มือสกปรก” เข้าไปเป็นผู้บริหารท้องถิ่น ถามว่า บีอาร์เอ็น ทำได้ไหมล่ะ
และอีกปัญหาหนึ่ง ที่”กัดกร่อน” สังคม”มุสลิม”อย่างหนักหน่วงในขณะนี้คือ เรื่องของ”ยาเสพติด” ซึ่งทั้งคนเสพ และคนขาย ทั้งรายเล็กที่เดินยาแบบ”เชเว่นอีเลฟเว่น” และกลุ่มทุน ข้ามประเทศ ล้วนเป็น”มุสลิม” ถ้า บีอาร์เอ็น ต้องการเห็น”สังคมดี” คนในสังคมมี”คุณภาพชีวิต”ที่ดี บีอาร์เอ็น ควรให้ “แนวร่วม”ระดับแกนนำ ตั้งแต่ “บาบอ, โต๊ะครู ,อุสตาซ และ แนวร่วม อื่นๆ ในพื้นที่ ดำเนินการกับ ขบวนการค้ายาเสพติดเหล่านี้ให้สิ้นซาก สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่ “บีอาร์เอ็น สมควรทำให้กับ สังคมมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อแสดงให้เห็นว่า “บีอาร์เอ็น” ปรารถนาที่จะเห็นถึงความ”สันติสุข”ของพื้นที่ในสังคม”มุสลิม” ที่เป็น”ชาติพันธุ์”เดียวกัน
ก่อนที่จะ ตะโกนคำว่า”เมอร์เดก้า” หรือ”เอกราช” ทำสิ่งเหล่านี้ให้สำเร็จก่อน เชื่อว่า “บีอาร์เอ็น” จะได้”มวลชน” สนับสนุน มากกว่าการออกมา ฉวยโอกาส ในการสร้าง”วาทกรรม”จอมปลอม อย่าง”วาทกรรม” ในวัน”รายออีดิลอัฏฮา”ที่ผ่านมา