‘ทวี’ เสนอร่าง พ.ร.บ.กยศ. ปลุกสภาฯปลดโซ่ตรวนลูกหนี้ กยศ. ตัดดอกเบี้ย-เบี้ยปรับ-เปลี่ยนเงินกู้เป็นกองทุนการศึกษา
การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2565 ในวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่..) พ.ศ. .. ซึ่งพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติและคณะ เป็นผู้เสนอร่าง และได้อภิปรายสรุป
พันตำรวจเอก ทวี อภิปรายว่า “ร่าง พ.ร.บ.กยศ.เสนอเข้ามา 5 ร่าง ร่างของพรรคประชาชาติอาจจะมีฐานคิดที่ต่างกัน เพราะมองเห็นว่าการศึกษาเรียนรู้เป็นการพัฒนามนุษย์ สิ่งที่มนุษย์ทุกคนนำติดตัวมาก็คือสมองกับความคิด สติปัญญา มนุษย์ทุกคนเกิดมาเพื่อศึกษาเรียนรู้ เพราะความรู้เท่านั้นที่จะสามารถนำประเทศและสังคม ไปสู่การพัฒนา การวัดคุณภาพของสังคมใดสังคมหนึ่งจะวัดกันที่คุณภาพของคน ไม่ได้วัดกันทีอำนาจหรือความกว้างขวาง ที่สำคัญหลักคิดของพรรคประชาชาติเรามองว่าการศึกษาเป็นสิทธิมนุษยชน เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน และเป็นเรื่องที่รัฐจะต้องดูแลคนในประเทศ เพราะรัฐบาลคือผู้เก็บภาษีอากรของประชาชน สิ่งที่ผมพูดนี้ความจริงแล้วในรัฐธรรมนูญปี 2560 ก็มีความชัดเจนเนื่องจากว่า พ.ร.บ.กยศ. ได้บอกหน้าที่ของประชาชนไว้ มาตรา 50 (4) ประชาชนต้องเข้ารับการศึกษาอบรมการศึกษาภาคบังคับ หน้าที่ของประชาชนทุกคนคือต้องศึกษา และยังกำหนดหน้าที่ของรัฐ ระบุไว้ในมาตรา 51 ในหมวดหน้าที่ของรัฐ ‘ย่อมเป็นสิทธิ์ของประชาชน ชุมชน’ ถ้าประชาชนเห็นว่ารัฐไม่เร่งดำเนินการ ปล่อยปละละเลย ประชาชนก็จะมีสิทธิ์ที่จะฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องได้”
“ในมาตรา 54 จะเห็นว่าเรามีการศึกษาภาคบังคับ 12 ปี ในการลงประชามติได้มีเสียงเรียกร้องตำหนิต่อผู้ร่างรัฐธรรมนูญมีเนื้อหาด้อยกว่ารัฐธรรมนูญ ฉบับที่ผ่านๆมา คือรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 และรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 คสช.ได้ออกคำสั่งที่ 28/2559 เรื่องจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน 15 ปี คือระดับชั้นอนุบาล ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา อันนี้ต้องเป็นการศึกษาฟรีแบบมีคุณภาพ วันนี้รัฐบาลไม่ทำตามรัฐธรรมนูญ ท่านไปพูดข้างๆคูๆว่ามีความเสมอภาคทางการศึกษา ในรัฐธรรมนูญบอกว่าคนที่ยากไร้ขาดแคลนทุนทรัพย์ รัฐจะต้องสนับสนุน และรัฐต้องมีกองทุน ซึ่งรัฐได้มีกองทุนจริงเป็นกองทุนเพื่อเสมอภาคทางการศึกษา เราจะเห็นได้ว่ากองทุนนี้ได้รับงบประมาณปีละ 5 พันล้านบาท ปรากฏว่าเกือบ 99% ไปแย่งทำงานกับการเรียนฟรี 15 ปี ทั้งที่ในกฎหมายเรื่องการศึกษานั้น หากผู้ปกครองไม่ส่งลูกเรียนจะถูกปรับ 1,000 บาท หรือ 10,000 บาท แต่ทำไมกองทุนนี้ไม่ดำเนินการกับผู้ขาดแคนทุนทรัพย์ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ดังนั้นกองทุน กยศ.ที่เกิดขึ้นจึงเห็นว่าในอดีตอาจจะใช่ แต่ในปัจจุบันเห็นว่าต้องเป็น ‘กองทุนเพื่อการศึกษาสำหรับผู้ขาดแคลน’ “
“การศึกษาไทยถูกทำลายอย่างรุนแรงในยุค คสช. สิ่งที่เห็นได้ดีที่สุดคือ พ.ร.บ.การศึกษา พ.ศ. 2560 ที่ไปทำลายหลักการสำคัญของ พ.ร.บ.การศึกษา พ.ศ. 2541 ยกตัวอย่างของปี 2541 บอกว่าจะคิดดอกเบี้ยก็ได้ แต่ต้องคิดเท่ากับดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารออมสิน วันนี้ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารออมสิน 1 สลึง แต่ใน พ.ร.บ.กยศ.2560 คิดดอกเบี้ย 7.5 บาท แบบนี้คือธนาคารพาณิชย์ ทั้งที่ กยศ.ไม่มีต้นทุนเลย แต่คิดดอกเบี้ยโหดร้ายมาก แค่นั้นยังไม่พอ ยังคิดเบี้ยปรับเดือนละ 1.50 บาท ก็คือ 18 บาท รวมเบี้ยปรับกับดอกเบี้ย 25.50 บาท มีใครบ้างที่ทำธุรกิจแล้วได้กำไรปีละ 25.50 บาท กำไรสูงมาก การศึกษาเป็นสิทธิที่ประชาชนต้องได้รับอย่างเสมอภาค แต่ปรากฏว่ากองทุนเพื่อการศึกษาไปแก้กฎหมายสร้างความโหดร้าย เท่านั้นยังไม่พอ ในปี 2560 ไปทำลายหลักการสิทธิมนุษยชน กรณีการทวงหนี้สามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้กู้ได้หมดเลย ทุกคนในที่นี้จะเข้าถึงข้อมูลต้องไปขออำนาจศาล แต่ กยศ.สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ เช่นมาตรา 45 เข้าถึงข้อมูลบุคคล มาตรา 46 ให้หน่วยงานของรัฐหรือเอกชนส่งข้อมูลให้ กยศ. และสำคัญคือมาตรา 50 ให้หนี้ กยศ.เป็นหนี้บุริมสิทธิ คือ กยศ.ต้องได้หนี้ก่อน เช่นหากลูกหนี้ กยศ. จะไปกู้เงินที่ธนาคารธนาคารจะไม่ให้กู้เพราะต้องจ่ายให้ กยศ.ก่อน และที่สำคัญส่งเป็นปัญหาให้ลูกหนี้อย่างมาก ทางออกเดียวคือต้องไปหาเงินกู้นอกระบบ หรือหนี้ครัวเรือนนี่จึงเป็นวิกฤต”
“สรุปแล้ว พ.ร.บ.กยศ. ถ้าไม่แก้ ปัญหาจะไม่รุนแรงขนาดนี้ เพราะในปี 2541 ถ้ามีดอกเบี้ยก็แค่ 1 สลึง แต่ภายหลังมีรัฐธรรมนูญแล้วการมีดอกเบี้ยไม่ได้เด็ดขาด เพราะเป็นการคิดดอกเบี้ยกับคนมีการศึกษา ประเทศไหนรู้แบบนี้มีก็มีแต่คนหัวเราะเยาะ นี่คือหลักคิดของพรรคประชาชาติ เราจึงแก้กรณีที่หนึ่ง มาตรา 6/1 ให้การกู้ยืมของผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์เป็นทุนการศึกษา แต่มีเงื่อนไขให้คณะกรรมการพิจารณา แต่หลักใหญ่คือ เป็นหนี้ต้องใช้หนี้ มาตรา 44 เกี่ยวกับการใช้หนี้่ต้องไม่มีดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ เพราะการคิดดอกเบี้ยต่อผู้ขาดแคนทุนทรัพย์คือการละเมิดรัฐธรรมนูญ ทำผิดกฏหมาย และการมีเบี้ยปรับอย่างโหดร้าย ต้องยกเลิก และการใช้หนี้ต้องใช้หนี้เมื่อมีความพร้อม ซึ่งได้เขีระยะเวลาไว้ 30 ปี เพราะเชื่อว่าเป็นช่วงเวลาที่ลูกหนี้มีความพร้อม”
“กฎหมาย กยศ.เดิมไปละเมิดสิทอย่างร้ายแรง เราแก้กฎหมายวิแพ่งในการบังคับคดีว่า ถ้าจะบังคับคดีกับลูกหนี้ แล้วลูกหนี้คดีต้องมีเงินอยู่ 20,000 บาท แต่ กยศ.ทำได้หมด นี่คือการทำตัวเป็นธนาคารพาณิชย์ รีดเลือดคนจะเป็นอนาคต คน Gen Y 21-37 ปี Gen X ถึง 60 ปี เกิดมาต้องมีทุกข์กับหนี้สิน และเป็นหนี้ที่เป็นภาษีอากรของประชาชน”
“เรามาปลดโซ่ตรวนที่เป็นภาระอันยิ่งใหญ่ ทาง กยศ.ท่านมีกฎหมาย ท่านเพิ่งมาเมื่อ 2-3 ปีเท่านั้นที่ไม่ได้เอาเงินงบประมาณ การศึกษาที่บอกว่ารุ่นพี่ส่งต่อให้รุ่นน้องนั้นเป็นหลักคิดที่ขัดต่อสิทธิมนุษยชนมาก การศึกษาต้องเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่รัฐต้องจัดการให้”
“ลองดูงบการเงินการศึกษา พบว่าเก็บเงินจากเบี้ยปรับเป็นเงิน 16,000 ล้าน รวมดอกเบี้ยกว่า 3 หมื่นล้าน แทนที่จะเอาเงินเหล่านี้ไปส่งน้องเรียนตามที่อ้าง แต่กลับเอาไปให้ กยศ. และกรรมการ กว่า 8 พันล้าน นี่คือการเอาเงินจากผู้ยากไร้ ทั้งหลักการศาสนาพุทธและศาสนาอิสลาม คนมือบนต้องช่วยคนมือล่าง แต่นี่คุณกำลังเอาเงินจากคนมือล่างมาหล่อเลี้ยง บางคนเป็นผู้ป่วยติดเตียง บางคนมีเงินอยู่ 6,000 กว่าบาทถูกยึดไป นี่แค่ตัวอย่างส่วนนึง ไม่อยากจะพูดให้รุนแรงกว่านั้น จึงอยากให้พิจารณาร่างของพรรคประชาชาติ คนที่ถูกฟ้องร้องหรือกำลังกู้อยู่ 6.1 ล้านคน น่าจะต้องนำกลับมาทบทวนให้ไม่มีดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ คนที่ถูกฟ้องร้องไปแล้วในอดีต 1.2 ล้านคน ก็ควรจะส่งคืนเฉพาะเงินต้น และประเด็นสำคัญเรายกเว้นให้ถ้าเรียนได้เกียรตินิยมในหลักสูตร ที่รัฐเห็นว่าจะสร้างความสำคัญให้กับประเทศ”
“ร่าง พ.ร.บ. ที่รัฐบาลยกร่างมานั้นอันตรายอย่างยิ่ง ท่านไปทำให้มีกรรมการมาจากกระทรวงการคลัง คือต้องการให้ กยศ.เป็นธนาคารพาณิชย์ แล้วธนาคารพาณิชย์ยังลำบากกว่าท่าน คนไปฝากเงินต้องจ่ายดอกเบี้ย แต่ท่านไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย ท่านยังไปยกเลิก 2 อนุจากกระทรวงศึกษาธิการ เพราะอาจจะไปขัดขวางความสุขของกรรมการได้ จึงให้กรรมการใช้เงินได้ตามอำเภอใจ”
“ถ้าจะดูอดีตของสังคมใดให้ไปดูที่พิพิธภัณฑ์ แต่ถ้าจะดูปัจจุบันให้ดูที่หน่วยปฏิบัติ ถ้าจะดูอนาคตให้ไปดูที่การศึกษา วันนี้อนาคตของประเทศไทยแทบไม่มีเลย เรียนฟรี 15 ปีไปตั้งกองทุนก็ให้อีกกองทุนหนึ่งไปแย่งใช้เงินก้อนนั้น แต่คนที่ยากไร้ที่รัฐธรรมนูญกำหนดท่านก็ปล่อยปละละเลย ดังนั้นจึงเรียกร้องว่าหากตั้งคณะกรรมาธิการแล้วอยากให้รัฐมนตรี ทำใจให้ร่มๆ แล้วเรามาร่วมกันสร้างชาติด้วยการศึกษา ความรู้เท่านั้นที่จะเปลี่ยนทุกอย่างได้ รัฐสภาที่เรายืนอยู่นี้เกิดด้วยความรู้นะไม่ได้เกิดด้วยอาวุธ การจะมีความรู้ได้คือการศึกษา จึงขอสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.กยศ.ทั้งของฝ่ายรัฐบาลและทุกพรรค อยากให้พิจารณาในวาระสองและวาระสามอย่างใช้สติปัญญา คำนึงถึงอนาคตของชาติเป็นสิ่งสำคัญเพราะคนกลุ่มนี้เป็นคนกลุ่มใหญ่มากที่ต้องตกทุกข์ระทมอยู่ทุกวันนี้ เพราะเป็นหนี้ที่เกิดจากความขยัน ต้องการเรียนรู้ เขาไม่ติดยาเสพติดก็บุญแล้ว แต่ยังถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ก็ขอให้มาร่วมกันสร้างชาติไปพร้อมกัน”
#ประชาชนประชาชาติ #พรรคประชาชาติ
