เมื่อวันที่ 25 พ.ค. พ.ต.อ.สวัสดิ์ ศรีเกษม ผกก.สภ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (24 พ.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อุทุมพรพิสัย ได้รับแจ้งมีเหตุคนจมน้ำเสียชีวิต ที่บริเวณสระน้ำด้านหลังสมาคมฌาปณกิจสงเคราะห์ชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย เลขที่ 151 หมู่ที่ 4 ต.ตาเกษ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ จึงสั่งการให้ ร.ต.อ.กิตติศักดิ์ พิมพ์สังกุล รอง สว.(สอบสวน) สภ.อุทุมพรพิสัย พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.อุทุมพรพิสัย ไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุบริเวณริมสระน้ำดังกล่าว พบร่างของ น.ส.ภัสสร ทอนศรี อายุ 31 ปี ชาว ต.ผือฮี อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร ที่กำลังตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชี ของสมาคมฌาปณกิจสงเคราะห์ชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย นอนแน่นิ่งเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
.
โดยมี นายวสันต์ ทองแปล อายุ 34 ปี ชาว ต.หนองครก อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ สามีของผู้เสียชีวิตโอบกอดภรรยาด้วยความโศกเศร้าเสียใจอย่างสุดซึ้ง ตรวจสอบที่เกิดเหตุใกล้กันพบรองเท้าของผู้เสียชีวิตถอดวางไว้คู่กันบริเวณริมสระน้ำ 1 คู่ พร้อมกับมีโทรศัพท์มือถือ วางทับรองเท้าอยู่ 1 เครื่อง เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน พร้อมนำศพส่งชันสูตรอย่างละเอียด ที่ รพ.อุทุมพรพิสัย และรพ.ศรีสะเกษ
.
นายวสันต์ เล่าว่า ตนและภรรยาผู้เสียชีวิต เคยมีลุกด้วยกันแล้ว 1 คน เป็นหญิง อายุ 5 ปี และภรรยาตนได้ตั้งครรภ์ลูกคนที่สอง อายุครรภ์ 9 เดือน ก่อนเกิดเหตุภรรยาตนชอบเล่าให้ฟังถึงความเครียดจากที่ทำงานบ่อยครั้ง พร้อมเคยยื่นขอลาออกจากงานที่สามาคมฯ แต่ไม่ได้รับการอนุมัติ และในวันเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 16.30 น. ตนพยายามโทรศัพท์หาภรรยา หลายครั้ง แต่ไม่มีผู้รับสาย จึงรู้สึกเป็นห่วง และรีบขับรถมาตามหาที่สมาคมฯ แต่ไม่พบว่าอยู่ในสำนักงานสมาคมฯ จึงพยายามเดินเรียกหาโดยรอบสำนักงาน กระทั่งพบรองเท้าและโทรศัพท์มือถือของภรรยาตน วางอยู่ริมสระน้ำ ตนจึงสงสัยเกรงว่าจะตกน้ำ พร้อมกับรีบกระโดดลงไปงมหา ปรากฏว่าพบร่างของภรรยาจมอยู่ใต้น้ำ จึงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือและนำร่างขึ้นมาจากน้ำ พร้อมกับร้องไห้โฮด้วยความเศร้าเสียใจอย่างมาก ไม่คิดว่าจะคิดสั้นฆ่าตัวตายแบบนี้
.
อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าอาจเกิดจากความเครียดและความกดดันภายในที่ทำงาน ซึ่งกำลังมีการตรวจสอบ เกี่ยวกับเงินฌาปณกิจค้างจ่ายสามชิกของสมาคมฯ จำนวนหลายร้อยล้านบาท ซึ่งจะได้นำศพตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดของภรรยา ใน จ.ยโสธร ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตแท้จริงอย่างละเอียด เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.
ขอบคุณเครดิตข่าว/ผู้สื่อข่าวจังหวัดศรีสะเกษ
สุรเดช/เรียบเรียง