นราธิวาส-เกษตรนราฯจัดงานคลีนิกเกษตร

นราธิวาส-เกษตรนราฯจัดงานคลีนิกเกษตร

นราธิวาส-เกษตรนราฯจัดงานคลีนิกเกษตร
เคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสที่ทรงเจริญ พระชนมพรรษา 70 พรรษา 28 กรกฎาคม 2565 มุ่งให้บริการและแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรแก่เกษตรกรในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม

วันนี้(25 กรกฎาคม 2565)ที่อาคารพิกุลกนก ศูนย์การศึกษาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง จ.นราธิวาส
นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานเปิดงานโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา 70 พรรษา 28 กรกฎาคม 2565 โดยมีนายสังคม เกิดก่อ นายอำเภอเมืองนราธิวาส นางสายหยุด เพ็ชรสุข ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนราธิวาส นายจตุรงค์  พรหมวิจิต เกษตรจังหวัดนราธิวาส หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมให้บริการให้คำปรึกษาครบทุกด้าน และมีเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสและใกล้เคียงเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดงานโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 70 พรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2565 เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหา กรุณาธิคุณที่ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ โดยภายในงานประกอบด้วย กิจกรรมลงนามถวายพระพรชัยมงคล นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว การให้บริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำนวน 14 คลินิก ได้แก่ คลินิกดิน คลินิกพืช คลินิกข้าว คลินิกปศุสัตว์ คลินิกประมง คลินิกชลประทาน คลินิกสหกรณ์ คลินิกบัญชี คลินิกกฎหมาย คลินิกหม่อนไหม คลินิกส่งเสริมการเกษตร คลินิกการยางแห่งประเทศไทย คลินิกสินเชื่อเพื่อเกษตรกร และคลินิกนวัตกรรมและเทคโนโลยี

นอกจากนี้ ยังมีการจำหน่ายผลผลิตและผลิตภัณฑ์จากเกษตรกร สถาบัน เกษตรกร และสินค้าธงฟ้าราคาพิเศษ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ขอพระราชานุญาตจัดทำโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ กราบบังคมทูลถวายสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในโอกาสอันเป็นมิ่งมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งทรงดำรง พระราชอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระชนมพรรษา 50 พรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2545 และทรงรับโครงการไว้ใน พระราชานุเคราะห์ ทรงพระราชทานพระราชานุญาตอัญเชิญพระนามาภิไธยย่อไว้ใน เครื่องหมายตราสัญลักษณ์โครงการ โดยเริ่มเปิดให้บริการครั้งแรก เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2545 ณ ตำบลบ้านหลวง อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี และได้ดำเนินงาน มาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน มาเป็นเวลา 20 ปีแล้ว เพื่อให้บริการแก่เกษตรกรในพื้นที่เป้าหมายที่มีปัญหา ให้ได้รับบริการทางการเกษตรได้อย่างรวดเร็ว ทั่วถึง ทันเหตุการณ์ และสอดคล้องกับความต้องการของเกษตรกร ซึ่งมีการบูรณาการความร่วมมือระหว่าง หน่วยงานวิชาการ หน่วยงานส่งเสริม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมพัฒนาฟื้นฟูเกษตรกร ให้สามารถทำการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยั่งยืนในอาชีพ โดยเป็นการ ปฏิบัติงานในเชิงรุก เช่น การวิเคราะห์ดิน การวินิจฉัยโรคพืช โรคสัตว์ โรคสัตว์น้ำ รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีและให้ความรู้ด้านการเกษตรเสริมเพิ่มเติมควบคู่กันไปด้วย

นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชหฤทัยอันมุ่งมั่นในการสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหา ภูมิพลอดุลยเดช มหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงดำเนินตามรอยเบื้อง พระยุคลบาทในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจ การพัฒนางานด้านต่างๆ ทรงทุ่มเทพระวรกาย พระวิริยอุตสาหะ เพื่อช่วยเหลือแก้ไขปัญหา และบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎรในทุกด้านอย่างต่อเนื่อง ทรงตระหนักและเล็งเห็นในคุณค่า แนวพระราชดำริต่างๆ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เช่น ด้านการเกษตร การศึกษา การบริหารจัดการน้ำ และสิ่งแวดล้อม เป็นต้น เหนือสิ่งอื่นใด นั่นคือความทุ่มเท พระราชหฤทัยในการทรงงาน พระองค์ทรงเสียสละเพื่อประชาชนโดยเสมอมา และด้วยพระวิสัยทัศน์อันกว้างไกล พระองค์ทรงยึดมั่นที่จะสืบสาน รักษาและต่อยอด เพื่อเป็นแสงสว่างนำทางตามรอยพระราชปณิธานไปสู่ความผาสุก แก่ประชาชนและประเทศชาติ

โดยโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ฯ เป็นรูปแบบหนึ่ง ของการแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรในพื้นที่ พร้อมทั้งการให้บริการที่สอดคล้อง กับความต้องการของเกษตรกร โดยการถ่ายทอดความรู้ให้แก่เกษตรกรไปในคราวเดียวกัน เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเกษตรกรจะได้รับ บริการแบบครบวงจรในทุกๆด้าน ซึ่งเป็นการนำบุคลากร อุปกรณ์ เครื่องมือ และองค์ความรู้ด้านการเกษตร มาให้บริการแก่พี่น้องเกษตรกรถึงในพื้นที่ พี่น้องเกษตรที่มาร่วมงานในวันนี้ ขอให้ใช้โอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ตัวท่านเอง โดยเข้ารับบริการหรือปรึกษาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในส่วนเจ้าหน้าที่ ซึ่งมาปฏิบัติงานในครั้งนี้ ขอให้ท่านดำเนินงานอย่างเสียสละ ทุ่มเท เพื่อบริการอย่างเต็มที่ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องเกษตรกรด้วยความ ภาคภูมิใจต่อไป

ปทิตตา หนดกระโทก ผู้สื่อข่าว นราธิวาสรายงาน

ข่าวประชาสัมพันธ์ ข่าวทั่วไป สังคม