ร้อยเอ็ด-จบแล้ว ล็อตเตอรี่อลเวง เมียกลับบ้าน ยอมคืนเงิน3.1ล้านที่เหลือ ฝ่ายสามียอมถอนแจ้งความแต่ถูกไล่ออกจากบ้านภายใน 3 วัน
จากกรณีล็อตเตอรี่อลเวง คน ถูกล็อตตารี่ รางวัลที่1 งวดวันที่ 16 พ.ย.2565 คือนายมะนิช ปราณี อายุ 49 ชาวบ้านคางฮุงหมู่ 5 ต.ธวัชบุรี อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด ต้องน้ำตาตก หลังพาลูกเมียไปขึ้นเงินรางวัลที่กองสลากแล้วโอนเข้าบัญชี นางอังคนารัตน์ กลั่นมณี อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นเมีย จากนั้นได้หอบเงินหนี ติดต่อไม่ได้ สร้างความไม่สบายใจแก่สามีและลูก จนวันที่ผ่านมานายมะนิช เข้าแจ้งดำเนินคดีข้อหายักยอกทรัพย์ ที่ สภ.ธวัชบุรี เพื่อให้มาตกลงกันให้เรียบร้อย ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปนั้น
เช้าวันที่ 20 พ.ย.2565 นางอังคนารัตน์ ได้เดินทางกลับบ้านแล้ว และ เวลา 9:30 น นางอังคนารัตน์ พร้อมนายมะนิช และลูก ได้กันเดินทางไปพบพนักงานสอบ สวน สภ.ธวัชบุรีเพื่อเจรจสไกล่เกลี่ยเรื่องที่เกิดขึ้นและบันทึกถ้อยคำไว้เป็นหลักฐาน โดยเมียยินยอมคืนเงินที่เหลือในบัญชี 3.1 ล้านบาท พร้อมแจ้งต่อพนักงานสอบสวนให้บันทึกปากคำ ขอแยกทางกับสามีตัดความสัมพันธ์โดยสิ้นเชิงและไม่มีข้อแม้ พร้อมให้นายมะนิช เก็บข้าวของออกจากบ้านภายใน 3 วัน
โดยเงินจำนวน 3 ล้าน 1แสนบาท แบ่ง 3 ส่วน ให้ผัว และ ลูก 2 คน (เพราะคนโตเรียนจบมีครอบครัวแล้ว ได้เงินไปแล้ว 2 แสนไปแล้ว) คนที่จะได้รับใหม่ คือ ลูกสาวคนเล็ก อายุ 11 ปี จำนวน 1 ล้านบาท ลูกชายคนกลาง 500,000 บาท และให้สามี 1 ล้าน 6 แสนบาท รวมเป็น 3.1 ล้านบาท พร้อมทวงคืนทองรูปพรรณ สร้อยคอ และแหวน น้ำหนักรวม2บาท ที่ตนซื้อให้นายมะนิช เก็บไว้คืนด้วย
ในวันนี้ยังไม่มีการถอนแจ้งความจนกว่าจะดำเนินการตามข้อตกลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมา จากฝ่ายหญิงพี่อาจจะหายไปอีก ในขณะเดียวกัน การมอบเงินให้ลูกสาวตกลงกันภายในข้อกำหนดว่าจะให้เบิกเงินมาใช้ได้เมื่อลูกสาวอายุ ถึง 20 ปีบริบูรณ์ ส่วนลูกชายที่เขาเรียน ม 6 ก็กำหนดว่า ให้สามารถเบิกเงินจำนวนที่แม่มอบไว้ให้ได้ เมื่ออายุถึง 25 ปีแล้วเท่านั้น
ซึ่งสามี นายมะนิช ปราณี อายุ 49 ปี ก็ยินยอมตามนั้น และบอกว่าพอใจ ที่ได้เงินกลับมาให้ลูกเรียนหนังสือ และเงินส่วนที่ตนเองได้ก็จะเอาไปลงทุนส่วนตัว ซึ่งยอมรับเงื่อนไขที่ให้ออกจากบ้าน เพื่อให้ลูกอยู่กับแม่ที่บ้าน เพื่อความสบายใจ ส่วนตนเองก็จะออกจากบ้าน ลงไปหางานทำ เพื่อเลี้ยงตนเอง และยืนยันว่าทุกอย่างทำด้วยความรักเมีย รักครอบครัว ส่วนการจะมีการคืนดีกันหรือไม่นั้น ขอให้เป็นเรื่องของอนาคต หากเมียอภัยให้ ก็จะขอกลับมา
ทางด้านนางอังคนารัตน์ กลั่นมณี อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นเมียที่อยู่กินมากันมา 26 ปี กล่าวว่า หลังจากทราบข่าวการแจ้งความจับก็เลยกลับมาเคียร์ปัญหา เรื่องเงิน และยืนยันว่าไม่ได้ไปกับผู้ชาย คนที่มาที่บ้าน และแค่รู้จักกัน แต่ไปคนเดียวโยไม่มีใครไปด้วย และไม่มีเรื่องชู้สาว แต่ไม่พอใจ ที่สามีชอบดุด่า และก็โดนลูกชายหาเรื่องใส่ จึงหนีไปทำใจ และตั้งใจจะหนีไปเข้าวัดไปเรื่อยเพื่อเอาเงินที่ถูกรางวัลไปทำบุญ และจะเข้าวัดไปนุ่งขาว ห่มขาว สเดาะห์เคราะห์ หลังโดนแจ้งจับจึงจำใจต้องกลับมาเคลียร์ปัญหา และแก้คำครหา ยืนยันว่าไม่มีเรื่องชู้สาวมาเกี่ยวข้อง
การเดินทางกลับมาก็นำเงินที่เหลือจากการถูกรางวัล 6 ล้านบาท ในปัญชี ที่โอนให้ผัวแล้ว 1 ล้าน ใช้หนี้สินที่เป็นหนี้กับ ธกส.ไปแล้ว และเหลือ 3.1 ล้านบาทกลับมาด้วย เพื่อนำมาคืน แล้ว การเดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สมศักดิ์ เกตุพิบูลย์ สารวัตรสอบสวน สภ.ธวัชบุรี เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา และลงบันทึกประจำวันว่า จะนำเงินทั้งหมดมาคืนให้โดยจะให้ทุกคนไปเปิดปัญชีธนาคารของตนเอง ในวันจันทร์ แล้วจะโอนเงินให้ เพื่อให้ทุกอย่างจบ และจะขออยู่ที่บ้านกะลูก ส่วน จสอ.เทิดศักดิ์ ปิ่นมณี อดีตทหารนอกราชการ ที่พิการ ที่ตนคอยดูแล เอาเงินเดือนมาให้ใช้จ่ายในครอบครัว ซึ่งจดทะเบียนสมรส นั้นตนคิดว่าถ้าเขาอยากอยู่ก็ให้อยู่ ถ้าไม่อยากอยู่ก็ถอนทะเบียนสมรสแล้วต่างคนต่างอยู่ และขอยืนยันว่าตนไม่มีชายอื่นโดยเด็ดขาด หลังจากการบันทึกลงนามข้อตกลงคืนเงินกันแล้ว ทั้งคู่ยังดราม่าจับมือกันว่า ยังคงคบกันเป็นเพื่อนได้ โดยไม่ได้ โกรธแค้น ทะเลาะกัน ส่วนการที่อาจจะกลับมาคืนดีกันใหม่หรือไม่นั้น ของให้เป็นเรื่องอนาคต เพราะอนาคตเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน อะไรก็เป็นไปได้
ด้าน พ.ต.ท.สมศักดิ์ เกตุพิบูลย์ สารวัตรสอบสวน สภ.ธวัชบุรี รซึ่งเป็นเจ้าของคดีกล่าวว่า ดีใจที่เรื่องจบลงด้วยดี แต่ยังจะไม่มีการถอนแจ้งความ ที่นายมะนิช แจ้งไว้ จนกว่า จะมีการเปิดปัญชี โนเงินทั้งหมดตามที่ตกลงกันแล้ว จึงจะมีการบันทึกถอนแจ้งความในภายหลัง เพื่อป้องกันการเกิดปัญหา ที่อาจจะไม่ทำตามสัญญา ซึ่งหากทุกอย่างเรียบร้อยก็จะให้บันทึกถอนแจ้งความต่อไป
/////////